รีวิว โรงแรมเซ็นทารา อยุธยา ที่พัก Pet Friendly วิวหลักล้าน รูฟท็อปบาร์สุดหรู
เช็คอินแบบมีสไตล์ที่ โรงแรม เซ็นทารา อยุธยา (Centara Ayutthaya) ที่พักน้องใหม่มาแรงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมคอนเซ็ปต์ Pet-Friendly เอาใจคนทาสหมา-แมว โดดเด่นด้วยพิกัดพักผ่อนที่บาร์รูฟท็อป ชมวิวบนดาดฟ้าชั้น 20 ท่ามกลางทิวทัศน์และเครื่องดื่มที่มีให้เลือกหลากหลาย
สำหรับ โรงแรม เซ็นทารา อยุธยา เปิดบริการครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ตั้งอยู่ในทำเลแห่งใหม่ ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มาพร้อมร่องรอยทางประวัติศาสตร์เก่าแก่ ผ่านธีมการออกแบบอาคารและการตกแต่งห้องพักภายใน ที่สามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ประติมากรรมบริเวณทางเข้าหน้าล็อบบี้ ห้องอาหาร House of Kin รวมไปถึงบรรยากาศของสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถูปเจดีย์จากแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถาน
นอกจากนี้ ทางโรงแรมจะมีพื้นที่สำหรับน้องหมา-แมว ไว้วิ่งเล่นพักผ่อนระหว่างทริป และบริการอาหารสุนัขที่เข้าพัก (ตอนนี้ยังไม่มีบริการอาหารแมว)
ถัดจากโซนสัตว์เลี้ยง ขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้น 20 พลาดไม่ได้สำหรับสายปาร์ตี้ เตรียมตัวเช็คอิน Diwa Rooftop Bar & Restaurant รูฟท็อปบาร์ตั้งอยู่ข้างสระว่ายน้ำ แห่งแรกและแห่งเดียวในอยุธยา ที่สามารถเชยชมทัศนียภาพอันตระการตาของโบราณสถานเมืองเก่าอยุธยาได้อย่างเต็มอิ่ม
อีกทั้งยังอยู่ติดกับห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล พลาซ่า ช้อปปิ่งมอลล์ เดินออกจากโรงแรมก็สามารถเข้าไปซื้อของช็อปปิ่งได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องขับรถออกไปไกลจากที่พัก
ในบทความนี้ ทีมงาน The Thaiger จะขอรีวิวการเข้าพักที่ โรงแรม เซ็นทารา อยุธยา แนะนำห้องพักขนาดต่าง กิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในที่พัก ว่าจะมีจุดเด่นและความน่าสนใจอย่างไรบ้าง เพื่อที่ผู้อ่านทุกท่านจะได้วางแผนตัดสินใจมาเช็คอินเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้ง่ายขึ้น
รวมห้องพัก โรงแรม เซ็นทารา อยุธยา
มาต่อกันที่ห้องพักของโรงแรม เซ็นทารา อยุธยา มีทั้งหมด 233 ห้อง แบ่งออกเป็น 5 ขนาด ประกอบด้วย 1. ห้องดีลักซ์ (Deluxe) จำนวน 56 ห้อง สำหรับเตียงเดี่ยว, จำนวน 112 ห้อง สำหรับเตียงคู่, 2. ห้องพรีเมียม ดีลักซ์ (Premium Deluxe) จำนวน 30 ห้อง, 3. ห้องจูเนียร์ สวีท (Junior Suite) จำนวน 26 ห้อง, 4. ห้องสวีท (Suite Room) จำนวน 7 ห้อง 5. ห้องเอ็กซ์คลูซีฟ สวีท (Excutive Suite) จำนวน 2 ห้อง และห้องพักพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงมีรายละเอีดยและขนาด ดังต่อไปนี้
1. ห้องพักดีลักซ์ (Deluxe)
ผ่อนคลายไปกับห้องดีลักซ์ขนาด 30 ตารางเมตรของเรา ที่มาพร้อมเตียงคิงไซส์แสนสบาย หรือเตียงเดี่ยว 2 เตียง และเตียงเดย์เบด ที่สามารถรองรับผู้ใหญ่ได้สูงสุด 3 ท่าน หรือผู้ใหญ่ 2 ท่านและเด็ก 2 ท่าน ห้องพักแต่ละห้องตกแต่งอย่างมีรสนิยม พร้อมด้วยสมาร์ททีวีขนาด 55 นิ้ว ฝักบัวแบบเรนชาวเวอร์ เฟอร์นิเจอร์ทันสมัย และวิวตัวเมืองที่สวยงาม
- 1,339 บาท/คืน (บนเว็บไซต์)
2. ห้องพรีเมียม ดีลักซ์ (Premium Deluxe)
ดื่มด่ำกับห้องพรีเมี่ยมดีลักซ์คิง ขนาด 36 ตารางเมตร ที่มีเตียงคิงไซส์ขนาดใหญ่ และเดย์เบดแสนสบายสำหรับชมทัศนียภาพอันงดงามของอยุธยา เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศอบอุ่น โปร่งสบาย พร้อมด้วยสมาร์ททีวีขนาด 55 นิ้ว ฝักบัวเรนชาวเวอร์ และการตกแต่งอย่างมีรสนิยม
- 1,632 บาท/คืน (บนเว็บไซต์)
3. ห้องจูเนียร์ สวีท (Junior Suite)
ยกระดับการพักผ่อนของคุณด้วยห้องจูเนียร์สวีทคิง ขนาด 40 ตารางเมตร ที่มาพร้อมเตียงคิงไซส์นุ่มสบาย เดย์เบด และวิวทิวทัศน์อันงดงามแบบพาโนรามาของตัวเมือง ผ่อนคลายอย่างมีสไตล์ด้วยสมาร์ททีวีขนาด 55 นิ้ว เฟอร์นิเจอร์ร่วมสมัย และห้องน้ำในตัวพร้อมอ่างอาบน้ำและฝักบัวเรนชาวเวอร์เพื่อการปรนนิบัติอย่างเต็มที่
- ราคา 1,836 บาท/คืน (บนเว็บไซต์)
4. ห้องสวีท (Suite Room) / (Suite King)
ในส่วนของห้องสวีท หรือ คิง สวิท รูม สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับกับห้องสวีทกว้างขวางขนาด 55 ตารางเมตร ตกแต่งอย่างมีสไตล์ด้วยเฟอร์นิเจอร์ทันสมัยและลวดลายผนังที่สดใส ภายในห้องประกอบด้วยเตียงคิงไซส์แสนสบาย พร้อมเดย์เบดที่คุณสามารถทอดกายพักผ่อนและชมวิวพาโนรามาอันงดงามของตัวเมืองอยุธยาได้อย่างเต็มตา เพลิดเพลินไปกับความบันเทิงด้วยสมาร์ททีวีขนาด 55 นิ้ว และผ่อนคลายอย่างเต็มที่ในห้องน้ำส่วนตัวพร้อมอ่างอาบน้ำและฝักบัวเรนชาวเวอร์ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นทั่วทั้งร่างกาย
- ราคา 2,108 บาท/คืน (บนเว็บไซต์)
5. ห้องเอ็กซ์คลูซีฟ สวีท (Excutive Suite)
ปิดท้ายด้วย ห้องเอ็กซ์คลูซีฟ สวีท (Executive Suite Room King Bedroom) ห้องขนาดกว้างขวาง 63 ตารางเมตร มาพร้อมเตียงคิงไซส์และเดย์เบด ให้คุณได้ชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของตัวเมืองอยุธยาได้แบบพาโนรามา ห้องพักที่โปร่งสบายมาพร้อมกับสมาร์ททีวีขนาด 55 นิ้ว และห้องน้ำในตัวพร้อมอ่างอาบน้ำและฝักบัวเรนชาวเวอร์ที่จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายอย่างเต็มที่ การตกแต่งภายในที่ทันสมัยด้วยลวดลายผนังที่สดใสยิ่งช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับห้องพักของคุณ
- ราคา 2,142 บาท/คืน (บนเว็บไซต์)
6. บริการห้องพักสำหรับสัตว์เลี้ยง น้องหมา-น้องแมว
โรงแรม เซ็นทารา อยุธยา มีบริการโซนห้องพัก Pet Friendly ที่ชั้น 4 ทั้งชั้น ประกอบด้วยห้องพักขนาด ดีลักซ์ (Deluxe), พรีเมียม ดีลักซ์(Premium Deluxe) และ ห้องสูท (Suite) โดยสามารถจองได้ผ่านเว็ปไซต์ https://www.centarahotelsresorts.com/centara/cay
ทางโรงแรมมีนโยบายต้อนรับน้อง ๆ แบบไม่จำกัดน้ำหนัก ต้อนรับสัตว์เลี้ยงทุกสายพันธุ์สูงสุด 2 ตัวต่อ 1 ห้อง กรณีมาหนึ่งตัว จะคิดค่าบริการ 500 บาทต่อห้องต่อคืน แต่ถ้ามาสองตัวราคาเพียง 600 บาทต่อห้องต่อคืน (เท่ากับตัวละ 300 บาทต่อคืนถ้ามากันสองตัว)
สำหรับห้องที่สัตว์เลี้ยงสามารถเข้าไปพักได้ จะมีลักษณะเหมือนกับห้องพักตามปกตินั่นเองครับ
ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์น House of Kin
สัมผัสรสชาติที่หลากหลายระดับสากลและไทยที่ House of Kin ร้านอาหารสุดหรู ผสมผสานเมนูไทย ญี่ปุ่นและอาหารนานาชาติ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ รองรับลูกค้าได้มากถึง 80 ที่นั่ง พร้อมแวะพักจิบกาแฟ ชิมขนมอบสดใหม่ สัมผัสประสบการณ์ผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่สวยงามระหว่างวัน
ร้านอาหารมีโซนเอาท์ดอร์ สามารถออกไปนั่งชมสวนสำหรับสัตว์เลี้ยงในวันที่อากาศไม่ร้อนมาก หรือช่วงเวลา เช้า-เย็น ของวัน ล้อมรอบด้วยกระจกแผ่นใสรอบด้าน ทำให้บรรยากาศปลอดโปร่ง แม้ในวันที่มีเมฆมาก
House of Kin เปิดให้บริการอาหารเช้า ตั้งแต่เวลา 06.30 – 10.30 น., มื้ออาหารกลางวัน ในเวลา 11.30 – 14.30 น. และบริการอาหารมื้อเย็น เวลา 18.00 – 23.00 น.
แอบกระซิบว่า เขามีบริการเสิร์ฟอาหารถึงห้องพักตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วยนะ ใครเป็นสายปาร์ตี้หรือหิวกลางดึก เรียกว่าตอบโจทย์สุด ๆ
รูฟท็อปบาร์ Diwa Rooftop Bar & Restaurant
ดีว่า รูฟท็อป บาร์ แอนด์ เรสเตอรอง ไฮไลท์ห้ามพลาดสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะที่แห่งนี้คือ Rooftop บาร์แห่งแรกและแห่งเดียวในอยุธยา อยู่ชั้นบนสุด ชั้น 20 ของโรงแรม
หากขึ้นมาในตอนกลางวัน จะสามารถมองเห็นเจดีย์และวัดเก่า ในพื้นที่โบราณสถานต่าง ๆ เบื้องล่าง แถมในตอนเย็นยังสามารถรับชมพระอาทิตย์ตกดิน โอบโกดเส้นขอบฟ้า เกิดเป็นประกายแสงสีทองอร่ามสวยงามสวยสุด ๆ
พอตกกลางคืนก็จะเห็นแสงไฟจากอาคารและวัดต่าง ๆ ท่ามกลางความมืดดำมะเมือม พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศด้วยมื้ออาหารและเครื่องดื่มหลากชนิด ทั้งค็อกเทล, เบียร์, ไวน์, เหล้าชั้นนำต่าง ๆ รับกับดนตรีสดที่บรรเลงต่อเนื่องตลอดทั้งคืน
ดีว่า รูฟท็อป บาร์ แอนด์ เรสเตอรอง จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00 น. ไปจนถึง 23.00 น. รองรับแขกได้ทั้งหมด 47 ที่นั่ง
ด้านข้างมีสระว่ายน้ำสำหรับการพักผ่อน ที่สามารถแช่น้ำผ่อนคลายชมทัศนียภาพที่สวยงามได้เหมือนกัน
The Summer Coffee Company สาขา เซ็นทารา อยุธยา
ใครเป็นสายคาเฟ่เลิฟเวอร์ต้องเช็คอินด่วน ๆ ที่ เดอะ ซัมเมอร์ คอฟฟี่ (The Summer Coffee Company) คาเฟ่เจ้าดังในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยกร้านมาเปิดถึงที่ ณ โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ อยุธยา
แม้ไม่ได้เข้าพักก็สามารถ วอค-อิน เข้าไปสั่งเมนูต่าง ๆ ได้ตามปกติ ห้ามพลาดเมนูแนะนำ “อยุธยา คอฟฟี่” (Ayutthaya Coffee) กาแฟลาเต้เย็น ท็อปปิ้งด้วยสายไหมโรยจึ้ง ๆ แน่น ๆ ด้านบน พร้อมสัมผัสรสชาติหวานฉ่ำคลายร้อน หลังจากที่เดินเที่ยวเมืองเก่ามาตลอดทั้งวัน
ตัวคาเฟ่มีเมนูเบเกอรี่มาให้เลือกเพียบ ทั้งขนมเค้กกาแฟคัสตาร์ด ทรัฟเฟิล ครัวครัวซองต์ หรือ ขนมปังหัวหอมเบเกล ฯลฯ แนะนำว่านั่งด้านนอกได้วิวดีกว่าในร้าน หากมาช่วงเช้าถึงสาย ๆ ถ่ายรูปคู่กับสวนสวยบอกเลยว่าดีงามมาก
ร้านซัมเมอร์ คอฟฟี่ เปิดทุกวัน จันทร์-อาทิตย์ เวลา 07.00 – 21.00 น. ลูกค้าที่นำรถยนต์ส่วนตัวมา สามารถจอดรถที่ห้าง Central Ayutthaya แล้วเดินมาได้เลยครับ
ที่เที่ยววัด-เจดีย์-โบราณสถาน ใกล้โรงแรม
มาทริปอยุธยาทั้งที่จะให้อยู่แต่ในห้องเลยก็กะไรอยู่ แน่นอนว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาขึ้นชื่อเรื่องแหล่งท่องเที่ยวเมืองเก่า โบราณสถานชื่อดังอย่าง วัดใหญ่ชัยมงคล, วัดพระศรีสรรเพชญ์, วัดมหาธาตุ และวัดไชยวัฒนาราม
1. วัดใหญ่ชัยมงคล
วัดใหญ่ชัยมงคล ตั้งตระหง่านอยู่บนเกาะเมืองอยุธยา ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกด้วยมนต์เสน่ห์แห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานและสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ เมื่อก้าวเข้าสู่บริเวณวัด สิ่งแรกที่สะดุดตาคือเจดีย์ชัยมงคล เจดีย์ทรงระฆังคว่ำขนาดใหญ่ที่สูงเด่นเป็นสง่า เป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะและความรุ่งเรืองของอาณาจักรอยุธยาในอดีต
รอบบริเวณวัดมีสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น วิหารพระพุทธไสยาสน์ที่ประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ พระอุโบสถที่งดงามด้วยลวดลายปูนปั้น และพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของพระองค์
นอกจากความงดงามทางสถาปัตยกรรมแล้ว วัดใหญ่ชัยมงคลยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ผู้เข้าชมสามารถเดินชมรอบๆ วัดเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอยุธยาผ่านซากปรักหักพังและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ
2. วัดพระศรีสรรเพชญ์
วัดพระศรีสรรเพชญ์ คืออัญมณีที่หลงเหลือจากอดีตอันรุ่งเรืองของกรุงศรีอยุธยา ตั้งตระหง่านอยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ร่องรอยแห่งความยิ่งใหญ่และความงดงามของวัดนี้ยังคงสะกดสายตาผู้มาเยือนได้อย่างไม่เสื่อมคลาย
วัดพระศรีสรรเพชญ์ยังมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น พระวิหารหลวง พระระเบียง และพระมณฑป ซึ่งล้วนแต่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า
3. วัดมหาธาตุ
วัดมหาธาตุ ร่องรอยแห่งอดีตอันรุ่งเรืองและมนต์เสน่ห์แห่งเศียรพระในรากไม้ คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอยุธยา ที่นี่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และความงดงามของสถาปัตยกรรมโบราณ
จุดเด่นที่ไม่ควรพลาด
– เศียรพระพุทธรูปในรากไม้: ภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของเศียรพระพุทธรูปที่ถูกโอบล้อมด้วยรากไม้ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาชมและถ่ายภาพ
– พระปรางค์ประธาน: องค์พระปรางค์ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางวัด แสดงถึงความยิ่งใหญ่และความสำคัญของวัดมหาธาตุในอดีต
– พระปรางค์ประธาน: องค์พระปรางค์ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางวัด แสดงถึงความยิ่งใหญ่และความสำคัญของวัดมหาธาตุในอดีต
4. วัดไชยวัฒนาราม
วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตะวันตก ด้วยความงดงามและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัดแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไม่ควรพลาด
เมื่อเข้าสู่บริเวณวัด สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาคือพระปรางค์ประธานอันสูงตระหง่าน ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส รายล้อมด้วยปรางค์บริวารขนาดเล็กทั้งสี่มุม สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์นี้แสดงถึงอิทธิพลของศิลปะขอมที่ผสมผสานกับความงดงามของศิลปะอยุธยาอย่างลงตัว
ภายในวัดยังมีซากปรักหักพังของพระอุโบสถ วิหาร และเจดีย์ต่างๆ ที่แม้จะผ่านกาลเวลามานาน แต่ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความวิจิตรบรรจงของช่างฝีมือในอดีต นอกจากนี้ บรรยากาศโดยรอบที่เงียบสงบและร่มรื่น ยังช่วยเสริมสร้างความขลังและมนต์เสน่ห์ให้กับวัดไชยวัฒนาราม
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง