กินของหวานตอนไหนไม่อ้วน เวลานี้ดีที่สุด ลดเสี่ยงโรคเบาหวาน
ของหวานช่วยให้พลังงานและความสดชื่นไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม คุกกี้ช็อกโกแลตชิพแสนอร่อย แม้กระทั่งเครื่องดื่มยอดฮิตคนไทยอย่างชานมไข่มุก แต่ถ้าใครกำลังดูแลสุขภาพ ไม่อยากอ้วนน้ำหนักเกินหรือเสี่ยงโรคเบาหวาน ยังไม่อาจตัดใจเลิกของหวานขนมขบเคี้ยวได้แบบหักดิบ ผมมีคำแนะนำว่าทานของหวาน-ขนมหวานตอนไหนดีที่สุด
กินของหวานหลังอาหารคือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
หากอดทนเลือกกินเป็นเวลาได้ ทานของหวานหลังทานอาหารมื้อหลัก โดยเฉพาะหลังทานอาหารกลางวัน จะส่งผลเสียต่อร่างกายน้อยที่สุด
สาเหตุเพราะ การทานของหวานหลังอาหารที่มีโปรตีน ไขมันดี และใยอาหาร ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ป้องกันน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงและดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและหงุดหงิด
การทานของหวานเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหาร จะช่วยให้รู้สึกอิ่มอร่อยและพึงพอใจมากกว่า เพราะเป็นการปิดท้ายมื้ออาหาร ถ้าทานตอนท้องว่าง ร่างกายจะดูดซึมน้ำตาลได้เยอะมากแต่ท้องก็ยังหิวอยู่ จึงต้องกินอะไรเพิ่มเติม ยิ่งทำให้เสี่ยงรับน้ำตาลเข้ามาเกินปริมาณแนะนำ
ทำไมไม่ควรทานน้ำตาลหรือของหวานตอนเช้า?
แม้ว่าแพนเค้กช็อกโกแลตชิพจะดูน่าทานแค่ไหนก็ตาม การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยของหวานไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด เหตุผลก็คือ ของหวานตอนเช้าทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ส่งผลให้รู้สึกหิว หงุดหงิด และมีสมาธิลดลง
เมื่อกินจนติดเป็นนิสัยจะทำให้อยากของหวานพร่ำเพรื่อ เพราะร่างกายคุ้นเคยกับการได้รับน้ำตาล ตื่นมาแปปๆ ก็ได้ลิ้มรสของสารซูโครสทันที ส่งผลให้สมองสั่งการร่างกายให้อยากของหวานมากขึ้นตลอดทั้งวัน
เพื่อสุขภาพที่ดี ต้องเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยอาหารที่มีโปรตีน กากใย ไฟเบอร์สูง เช่น ไข่ดาว ข้าวต้มหมู แทนที่จะเป็นของหวานที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรนอกจากพลังงานส่วนเกินที่จะสะสมเป็นไขมัน และเสี่ยงทำลายอินซูลินจนนำไปสู่โรคเบาหวานท้ายที่สุด
แล้วถ้าอยากทานอะไรหวานๆ ตอนเช้าล่ะ? จะลงแดงแล้วถ้าไม่ได้กิน แนะนำให้เลี่ยงของหวานจำพวกขนมเด็ดขาด หรือน้ำหวานใส่น้ำตาล นมด้วย ให้เลือกทานผลไม้สดที่มีน้ำตาลตามธรรมชาติ เช่น เบอร์รี่ กล้วย หรือมะม่วง แทน
หรือไม่ก็เพิ่มความหวานให้กับอาหารที่มีประโยชน์ โรยอบเชยบนข้าวโอ๊ต ราดน้ำผึ้งบนโยเกิร์ต หรือทำสมูทตี้ผลไม้ ทานคู่กับโปรตีน และไขมันดี ตัวอย่างเช่น ขนมปังโฮลวีตทาเนยถั่วลิสงและกล้วยหั่นบางๆ
จำไว้ว่า ทุกอย่างอยู่ที่ความสมดุล
สรุปแล้ว เวลาที่ดีที่สุดในการกินของหวานคือหลังอาหารมื้อเที่ยงหรือกลางวัน เพราะร่างกายจะลดการดูดซึมน้ำตาล เนื่องจากย่อยโปรตีนจนเพียงพอแล้ว และเรายังต้องใช้ร่างกายทำกิจกรรมอีกหลายอย่างตลอดวัน พลังงานจากน้ำตาลก็มีโอกาสใช้จนหมด
ไม่แนะนำให้กินน้ำหวาน ชาเย็น น้ำตาลตอนเช้าหรือตอนท้องว่าง เพราะน้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูง ยิ่งอยากอาหาร ร่างกายไม่สดชื่น
การทานของหวานเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดีได้ เพียงแค่ทานอย่างพอประมาณ และเลือกทานอย่างชาญฉลาด เพื่อเลี่ยงโรคอ้วนและเบาหวานซึ่งเป็นโรคเรื้อรัง เสียค่าใช้จ่ายสูง