แห่อาลัย น้องนุ่น เสียชีวิตหลังโดนสามีฆาตกรรม ดันแฮชแท็กติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ชาวเน็ตชี้เป็นปัญหาความรุนแรงในครอบครัว
จากกรณีข่าวการเสียชีวิตของ น.ส.ชลลดา หรือ น้องนุ่น สาววัย 27 ปี ที่ได้ถูกแจ้งว่าหายตัวไป ก่อนจะพบเป็นศพถูกเผาอำพรางที่ปราจีนบุรี นำไปสู่การสืบสวนสอบสวนจนพบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายศิริชัย รักทอง หรือ ทอย สามีวัย 33 ปี ที่ได้ทำร้ายร่างกายน้องนุ่นอย่างหนัก ก่อนใช้หินทุบศีรษะและนำศพไปเผาอำพรางที่ปราจีนบุรี ล่าสุดแฮชแท็ก #น้องนุ่น ทะยานติดเทรนด์ทวิตเตอร์แล้ว
สำหรับข่าวสะเทือนขวัญเกี่ยวกับการเสียชีวิตของน้องนุ่น ทำให้สังคมไทย หันมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะในกลุ่มคู่รักสามีภรรยากันมากขึ้น เนื่องจากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีหญิงสาวต้องเสียชีวิตจากคนใกล้ชิด โดยเฉพาะสามี พร้อมเตือนทุกคนให้ระวังตัว หากพบว่าคู่สมรสหรือคนในครอบครัวมีพฤติกรรมผิดปกติหรืออันตราย
ทั้งนี้ชาวเน็ตจำนวนมาก ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อข่าวการเสียชีวิตของน้องนุ่นอย่างล้นหลาม อาทิ
“ข่าว #น้องนุ่น มันละเอียดมาก มากแบบมากจริงๆ จนรู้สึกว่า คนไทยใช้ชีวิตในทุกๆวัน เพื่อมาเสพข่าวการใช้ความรุนแรงในครอบครัวเบอร์นี้ สุขภาพจิตพวกเราเองก็เผชิญหน้ากับเรื่องราวหนักมากๆ อยู่นะ ”
“ผู้หญิงจะต้องตกเป็นเหยื่อความรุนแรงจนถึงชีวิตไปถึงตอนไหนวะ โคตรสงสารเลยอะ ”
“มีหลายเคสมากๆที่ถูกคนในครอบครัวทำร้าย/ฆ่า เมื่อไหร่ความรุนแรงในครอบครัวจะหมดไป หดหู่มาก😓”
“คนที่กำลังจะเป็นฆาตกรในอนาคต มันจะมี pattern อยู่คือ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ใช้ความรุนแรง ถ้าเจอทำร้ายครั้งเดียวก็คือควรเลิกเลย แต่ถ้าไปเจอประเภทที่ดีมาตลอดพอฟิวส์ขาดแล้วฆ่าเลย อันนี้ก็จะดูยากหน่อย แต่ส่วนใหญ่คิดว่าดูไม่ยาก”
“ค.รุนแรงในครอบครัว เค้าวิจัยมาแล้วว่ามันจะมูฟออนเป็นวงกลม คือ มีการใช้ค.รุนแรงทางร่างกาย/วาจา จากนั้นมีการง้องอนและคืนดีกัน หลังดีกันก็จะรักกันมากขึ้น แล้วสักพักจะเริ่มทะเลาะกันและใช้ค.รุนแรง วนไปแบบนี้ เพราะพอเป็นคนในครอบครัวแค่ง้อก็หาย แต่ค.รุนแรงไม่หายไป”
“บางคนจะเลิกเบลมเหยื่อกี่โมง จนเหยื่อตายแล้วก็ยังเบลมอยู่ ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกไหมว่ามันยากแค่ไหนกับการเดินออกมาจากความรุนแรงที่เกิดจากคนที่เรารักอะ พูดมันง่ายแต่ทำมันยากนะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้มแข็ง อย่าเอาบรรทัดฐานของตัวเองมาตัดสินคนอื่นดิ”
