ปัจจุบันปี 2567 เช็กเบอร์โทรศัพท์ว่าเป็นของใคร ทำได้แล้วหรือยัง เอาคืนมิจฉาชีพหลอกดูดเงิน แจ้งตำรวจจับให้เข็ด
แม้ว่าตำรวจไซเบอร์จะปราบเท่าไหร่ แก๊งคอลเซนเตอร์ก็ยังเหิมเกริมโทรหลอกดูดเงินคนไทยปีหนึ่งๆ นับร้อยล้านบาท ทำให้หลายคนขยายที่จะรับเบอร์แปลก ต้องสืบหาข้อมูลก่อนว่าคนที่โทรมาปลายสายเป็นใคร มีตัวตนจริง น่าเชื่อถือสืบค้นได้ว่าอยู่ที่ไหน วันนี้ Thaiger จะมาสรุปวิธีค้นข้อมูลเบื้องต้น เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ
วิธีค้นหาเบอร์โทรศัพท์ปลายสายว่าเป็นใคร ใช่มิจฉาชีพหรือไม่
1. ค้นหาใน Google Facebook
ให้นำเบอร์มือถือไปเสิร์ชใน Google หากเป็นเบอร์แก๊งคอลเซนเตอร์ที่โทรไปหาคนอื่นบ่อย ๆ มักจะมีคนมาแจ้งเตือนไว้ในเว็บไซต์ Pantip หรือไม่ก็จะขึ้นในเว็บไซต์ Whocalls ว่าเป็นหมายเลขน่าสงสัย
ขณะเดียวกัน หากเป็นเบอร์คนปกติก็มีโอกาสโชว์ข้อมูลได้ว่าเป็นใคร ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมการโพสต์ว่าไม่ใช่มิจฉาชีพแน่นอน เช่น แปะเบอร์มือถือไว้ติดต่อธุรกิจ หรือขายของออนไลน์ มีหน้าร้านชัดเจน เป็นต้น
ส่วนการเสิร์ชในเฟซบุ๊ก ถ้าหมายเลขนั้นผูกกับบัญชีแอคเคาต์ Facebook และเปิดให้ค้นหาได้ มันจะขึ้นแอคเคาต์เจ้าของเบอร์ขึ้นมาหลังการค้นหา
2. แอดเป็นเพื่อนใน Line
คนไทยส่วนใหญ่ใช้แอปพลิเคชั่น Line ติดต่อสื่อสาร ซึ่งต้องผูกกับเบอร์มือถือ ข้อดีคือ 1 ซิม สามารถสร้างได้ 1 บัญชีเท่านั้น วิธีคือให้เรากดตรงค้นหา เลือกเป็นหมายเลขโทรศัพท์ แล้วให้เบอร์ลงไป แล้วจะแสดงภาพโปรไฟล์ขึ้นมา ถ้าเป็นคนทั่วไปมักจะตั้งรูปปกเป็นหน้าตัวเอง ดูว่าเรารู้จักคนนั้นไหม
3. ดาวน์โหลดแอป Whocalls
เป็นแอฟพลิเคชั่นช่วยชีวิต มีทั้งแบบใช้ฟรีและเสียเงิน เวลาเบอร์โทรมา จะขึ้นแนะนำเบื้องต้นว่าเบอร์ปลายสายคือใคร ข้อมูลเหล่านี้ก็ได้มาจากผู้ใช้งานแอปช่วยกันกรอกตอบข้อมูล พอให้เราคัดกรองได้เบื้องต้นว่าควรจะรับสายหรือไม่
4. ค้นหาชื่อในเว็บไซต์ Blacklistseller
เว็บไซต์ Blacklistseller เป็นเว็บรวมชื่อ-นามสกุล และเบอร์ของมิจฉาชีพที่เปิดบัญชี PromptPay หรือ TrueMoney เอาไว้ หากเบอร์นั้นตรงกับมิจฉาชีพที่มีอยู่ในฐานข้อมูลระบบ มันจะแสดงให้เราเห็นว่าหมายเลขนี้ชื่อใครเป็นเจ้าของ
วิธีเช็คเบอร์ปลายทางว่าอยู่ที่ไหน
ปัจจุบันทุกค่ายมือถือ True Dtac AIS ยังไม่ให้สิทธิประชาชนทั่วไปตรวจสอบหมายเลขปลายสายว่าอยู่ที่ใด โทรมาจากจังหวัดใด เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย PDPA เราจะขอข้อมูลเหล่านี้ได้ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีก่อน แล้วจึงนำหลักฐานที่ออกโดยตำรวจติดต่อฝ่ายกฎหมายของค่ายมือถือ ซึ่งขั้นตอนยุ่งยาก อีกทั้งหากยังไม่เกิดความเสียหาย ก็ยังไม่สามารถแจ้งความได้
แต่! ยังมีวิธีเบื้องต้นที่พอให้เรารู้ข้อมูลได้ว่าสายปลายใช้บริการเครือข่ายไหน ให้กดหมายเลขตามนี้ (เราใช้ค่ายไหนกดค่ายนั้น)
เบอร์มือถือ AIS
– กด *727* ตามด้วยเบอร์ปลายสาย # แล้วกดโทร. ออก เพื่อเช็กเบอร์โทร. ว่าเครือข่ายอะไร
เบอร์มือถือ DTAC
– กด *102* ตามด้วยหมายเลขปลายทาง # แล้วกดโทร. ออก เพื่อเช็กว่าเบอร์นั้นใช้ DTAC หรือไม่
– กด *812* ตามด้วยเเบอร์ปลายสาย # แล้วกดโทร. ออก เพื่อเช็กเบอร์โทร. ว่าเครือข่ายอะไร
เบอร์มือถือ Truemove H
– กด *933* ตามด้วยเบอร์ที่ต้องการเช็ก # แล้วกดโทร. ออก เพื่อเช็กเบอร์โทร. ว่าเครือข่ายอะไร
วิธีเช็คเบอร์ปลายทางว่าโทรจากไทยหรือเมืองนอก
แก๊งคอลเซนเตอร์มักตั้งฐานบัญชาการอยู่ในเมืองนอก โดยเฉพาะชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าปลายสายโทรเข้ามาไม่ใช่โทรในประเทศ สังเกตได้จากหมายเลขนำหน้า มักขึ้นต้นด้วย + ตามด้วยหมายเลขมือถือ บางครั้งตัวเลขก็ยาวเกิน 10 ตัวด้วย
ดังนั้นถ้าเราไม่รู้จักใครหรือมีเพื่อนอยู่เมืองนอก ไม่จำเป็นต้องรับสายก็ได้
แต่ถ้าเบอร์นั้นขึ้นต้นด้วย +66 แสดงว่าโทรมาจากประเทศไทยนะ
วิธีแจ้งความเพื่อขอข้อมูลปลายสายที่เป็นมิจฉาชีพ
กรณีที่แย่ที่สุด เบอร์ปลายสายเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกดูดเงินเราไปแล้ว ต้องการแจ้งความให้รู้ต้นตอว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน ต้องรีบดำเนินการแจ้งความ โดยสามารถแจ้งความออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ตำรวจไซเบอร์ได้แล้วที่ thaipoliceonline.com เว็บเดียวเท่านั้น
จากนั้นให้เตรียมเอกสารดังนี้
1. หนังสือหมายเรียกพยานเอกสาร ระบุถึงพฤติการณ์ของคดี เป็นมาอย่างไร หมายเลขโทรศัพท์ที่เราต้องการข้อมูล เกี่ยวข้องกบคดีอย่างไร
2. หนังสือหมายเรียกพยานเอกสาร ให้จ่าถึง กรรมการผู้จัดการบริษัท ค่ายมือถือ พร้อมลงนาม เจ้าหน้าที่ที่ออกหมายเรียกนั้น
3. แนบสำเนาบัตรข้าราชการของผู้ลงนามในหมายเรียกเอกสารทุกครั้ง พร้อมรับรองสำเนาบัตร กรณีที่มอบหมายให้บุคคลอื่น
มารับข้อมูลแทน ผู้รับข้อมูลจะต้องถ่ายบัตรประจำตัวแนบเอกสารทุกครั้ง
4. รายละเอียดระบุข้อมูลที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องการ ให้ตรวจสอบว่าต้องการข้อมูลใดบ้าง