ข่าว

เจ้าของร้านโพสต์เล่า ครบรอบ 1 ปี ถูกปล้นร้านทอง จ.ตาก คดีสิ้นสุดแล้ว

เจ้าของร้านทองเล่าประสบการณ์ ครบรอบ 1 ปี นาทีถูกโจร 4 คนบุกปล้นร้านทอง ก่อนใช้ปืนยิงจนคนร้าย 1 คนได้รับบาดเจ็บ ภายหลังอัยการยกฟ้อง เนื่องจากเป็นการป้องกันตัว

จากกรณีข่าวดัง เมื่อกลุ่มคนร้าย 4 คน ขี่รถจักรยานยนตร์ 2 คัน ใช้ปืนเก็บเสียงยิงใส่กระจกและใช้เครื่องตัดเหล็กตัดลูกกรง เพื่อบุกปล้นร้านทอง บริเวณหน้าโรงเรียนตากพิทยาคม จังหวัดตาก แต่กลับถูกเจ้าของร้ายใช้ปืนลูกซองยาว 5 นัด ยิงสวนเพื่อป้องกันตัวเองและทรัพย์สิน เป็นเหตุให้คนร้าย 1 คนได้รับบาดเจ็บ อีก 1 คนถูกจับได้ในภายหลัง ส่วนอีก 2 คนหลบหนีไปได้

Advertisements

ล่าสุด วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2566 เจ้าของร้านทอง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงเหตุการณ์ถูกปล้นร้านทอง โดยระบุว่า “วันนี้เป็นวันครบรอบเหตุการณ์ที่ผมถูกปล้นร้านทอง ห้างทองเยาวราช จ.ตาก

คดีได้สิ้นสุดลงแล้ว ทางอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีที่ผมถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า ผมเลยจะมาเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟัง และเอาไว้เป็นกรณีศึกษาสำหรับร้านค้าอย่างเรา ๆ ที่จะต้องป้องกันตัวเองจากโจรผู้ร้ายที่นับวันจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ลำพังเจ้าหน้าที่ก็คงไม่สามารถดูแลเราได้ตลอดเวลา เราจึงจะต้องมีอาวุธที่จะเอาไว้ต่อสู้ เข้าอบรมเรียนรู้วิธีการใช้อาวุธที่ถูกต้องและฝึกฝนอยู่อย่างสม่ำเสมอ”

จากนั้น เจ้าของร้านทองได้เล่าย้อนไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 ระบุว่า “ขณะที่ผมอยู่นอกร้านเรียกช่างมาปรับกล้องวงจรที่ไม่ได้ตำแหน่ง ไม่ถึง 5 นาทีก็มีโจร 4 คนอย่างที่เคยเห็นตามข่าวเข้ามาจอดด้านข้างร้าน แล้วชายคนนึงได้ใช้อาวุธปืนติดท่อเก็บเสียง มาทราบภายหลังว่าเป็นขนาด .380 ออโต้

ผมจึงบอกให้ภรรยาหนี มีกระสุนยิงเข้ามา 1 นัด ถูกกระจกหน้าร้านแตก ผมและภรรยาหลบมาด้านหลังแล้วหันไปคว้าปืนลูกซองยี่ห้อ Beneli M4 A1 มาขึ้นลำเอาไว้ ผมรีบถามภรรยาว่าเป็นอะไรมั้ย แล้วน้องพนักงานอยู่ตรงไหน เพราะตอนนั้นมีน้องพนักงานที่ร้านเดินมาจะเข้าร้านพอดี ช่วงเวลานั้นมันเร็วมากสมองกำลังตัดสินใจอย่างยากลำบากว่าจะทำอย่างไรดี

จากนั้นก็ได้ยินเสียงเจียลูกกรง ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าหากโจรเข้ามาได้ก็จะถึงตัวแน่นอน สองจิตสองใจว่าจะยิงใส่โจรเลยหรือจะยิงขู่ไปก่อน ยิงไปเลยก็กลัวจะถูกคนอื่นหรือพนักงานร้านได้ เลยย่อตัวลงเอาด้ามปืนตั้งไว้กับพื้นแล้วใช้นิ้วโป้งเหนียวไกยิงขึ้นเพดาน กะว่าไม่โดนก็จะเฉียวหัวคนเจียไปนี่แหล่ะ

Advertisements

สิ้นเสียงปืนโจรทั้ง 4 คนก็วิ่งหนีออกไปหน้าร้าน ผมเลยตามออกไปยืนคุมเชิงเพื่อไม่ให้พวกมันเข้ามาอีก จากนั้น 1 ในคนร้ายก็ยิงใส่ผมอีก ซึ่งก็เป็นคนเดียวกับคนที่ยิงกระจกเข้ามา ผมเลยหลบและยิงสวนไป 2 – 3 นัด โดยเน้นไปแถวช่วงขาซ้ำเข้ารูกระจกเดิม

ตอนนั้นไวมาก ไม่รู้เลยว่าคนที่ผมยิงเป็นคนไหน ใจคิดอย่างเดียวว่าอยากยิงให้อยู่ แล้วอยากจับโจรให้ได้ด้วย ไม่ได้ต้องการยิงให้ตาย และจะได้ไม่ต้องไปปล้นใครได้อีก แต่ด้วยกระจกที่ค่อนข้างหนาและมุมที่ยิงเป็นมุมเฉียงกระสุนบางส่วนผ่านกระจกออกไปไม่ได้ กระเด็นตกอยู่ในร้านจะไปโดนก็นัดสุดท้าย

อีกอย่างคือผมใส่กระสุนลูกปราย 70 เม็ด หรือกระสุนยิงนกไว้ 2 นัดแรกด้วย ส่วนอีก 3 นัดที่เหลือจะเป็นลูก 9 เม็ด ที่ผมใส่ลูกยิงนกไว้นัดแรก ๆ ก็เผื่อเอาไว้กรณีต่อสู้ในร้านเพื่อป้องกันลูกกระสุนกระเด็นทะลุกระจกไปโดนผู้อื่น ตอนนั้นผมไม่รู้เลยครับว่าโจรมีกี่คนมีปืนกี่กระบอก วิ่งไปทางไหนบ้าง เหตุการณ์สิ้นสุดแล้วหรือยัง ผมเห็นคนร้ายวิ่งหนีขากระเผลกแล้วล้มลง

ผมวิ่งไปบอกภรรยาว่า ป๊ายิงโจรล้มอยู่หน้าร้านคนนึง พร้อมไปหยิบปืนสั้นขนาด 9 มม. อีกกระบอกมาขึ้นลำเตรียมเอาไว้ แล้วก็โล่งใจที่ไม่มีใครโดนลูกหลง จากนั้นก็มีคนวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก ถามด้วยความเป็นห่วงผมว่าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่มาผมก็รีบอัดคลิปส่งให้ เพื่อติดตามคนที่เหลือ กระแสข่าวออกไปไวมาก มีคนมาบอกว่าข่าวออกแล้วมีแต่คนชื่นชมเจ้าของร้านทอง จากนั้นก็ได้รับข่าวดีว่าจับโจรได้อีกคนนึง ตกเย็นลูกสาวกลับมาเห็นสภาพร้านที่พังเสียหายก็ใจเสียร้องไห้ ผมบอกว่าป๊ากับแม่ปลอดภัยดีลูก ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องตกใจ

เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ หาวิถีกระสุน พิมพ์ลายนิ้วมือ ผมได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า จะถูกตั้งข้อหาว่าพยายามฆ่าเอาไว้ก่อน ตกเย็นสำนักข่าวต่าง ๆ โทรมาจะเชิญไปออกรายการ รวมทั้งพี่หนุ่มก็โทรชวนไปออกรายการโหนกระแส แต่ตอนนั้นผมกลัวในหลาย ๆ อย่าง อยากอยู่กับครอบครัวด้วยขวัญกำลังใจเสียหมดแล้วเลยปฎิเสธไม่ไป

ผมยังเป็นกังวล ไม่รู้ว่าพวกนี้มีขบวนการเบื้องหลังเป็นยังไง และจะตามมาเอาคืนหรือไม่ แล้วตอนนี้ผมก็ทราบแล้วว่ากลุ่มนี้เคยปล้นร้านทองที่ อ.พบพระ มาก่อน

วันรุ่งขึ้นนักข่าวมาเต็มหน้าร้าน เป็นครั้งแรกเลยที่ต้องหนีนักข่าวออกหลังบ้าน ผมต้องไปให้การกับตำรวจที่โรงพัก คนร้ายที่จับได้ตำรวจก็จับมาทำแผนที่หน้าร้านทันที ประกันภัยร้านทองที่ทำไว้ก็ดีมาก โทรมาถามเรื่องว่าเราทำประกันไว้ใช่มั้ย เข้ามาตรวจสอบทรัพย์สินที่เสียหาย

ได้ข่าวคนร้ายอีก 2 คนที่เป็นพม่าหนีข้ามฝั่งไปแล้วจากการตามสัญญาณ GPS อีกอาทิตย์ถัดมาได้ข่าวจากเจ้าหน้าที่ว่าจับคนบงการได้อีก 1 คนที่ อ.แม่สอด จากการตรวจค้นบ้านเจอปืนไทยประดิษฐ์หรือปืนแก๊ป ยาบ้าและฝิ่นจำนวนนึง พร้อมสมุดเล่มทะเบียนและป้ายทะเบียนคันที่โจรใช้ก่อเหตุในวันนั้น และเป็นคนจัดหาอาวุธปืนเป็นผู้สนับสนุนการก่อเหตุ

วันที่ 11 เมษายน 2566 ศาลนัดสืบพยานโจทย์ประกอบคำรับสารภาพ อัยการเป็นโจทย์ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 3 ต่อมาวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ฟังคำพิพากษา

จำเลยที่ 1 และ 2 โดนข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิง และข้อหาอื่น ๆ และให้การรับสารภาพ คงจำคุกรวม 10 ปี 9 เดือน และจำเลยที่ 3 6 ปี 8 เดือน ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และ 2 ฐานร่วมกันพยายามฆ่า (ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนที่อัยการขยายเวลายื่นอุทธรณ์) จนวันที่ 6 ตุลาคม 2566 อัยการแจ้งคำสั่งไม่ฟ้องนายพิสิฐ ระพิทย์พันธ์ (ผู้ต้องหาในคดีที่ยิงโจร)

พิจารณาแล้วเห็นว่า มีเหตุจำต้องกระทำเพื่อสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าขณะเกิดเหตุคนร้ายทั้ง 4 มีเจตนาปล้นร้านทองของผู้ต้องหาโดยพกพาอาวุธปืนมาด้วยทั้งยังได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้ามาภายในร้านขณะที่ผู้ต้องหาและภรรยาอยู่บริเวณเค้าเตอร์ในร้าน

แม้ว่าภายหลังจากที่ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงขึ้นเพดานร้านเพื่อขู่ คนร้ายทั้ง 4 คนจะได้วิ่งหลบหนีออกมาจากร้านแล้วก็ตาม แต่จากภาพในกล้องวงจรปิด 1 คนร้ายยังได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้ามาในร้านของผู้ต้องหาอีก การที่ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายที่ยังคงอยู่บริเวณหน้าร้านและคนร้ายมีจำนวนมากกว่าผู้ต้องหา ประกอบกับขณะเกิดเหตุในบริเวณดังกล่าวไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลความปลอดภัย

บุคคลที่อยู่ในภาวะเช่นนั้นย่อมมีเหตุที่จะทำให้เข้าใจได้ว่า คนร้ายอาจจะกลับเข้ามาในร้านอีก การที่ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายเพื่อป้องกันชีวิตของตนและภรรยาซึ่งอยู่ในร้าน รวมทั้งป้องกันทรัพย์สินจำนวนมาก จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนเอง ภรรยารวมถึงทรัพย์สินของตนเองให้พ้นจากภัยอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภัยที่ใกล้จะถึง

แม้ผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธปืนยิงไปที่คนร้าย 2 – 3 ครั้งติดต่อกัน ก็เนื่องมาจากคนร้ายมา 4 คน และได้ใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ อีกทั้งข้อเท็จจริงยังได้ความว่า ผู้ต้องหามีความสามารถในการใช้อาวุธปืน เนื่องจากผ่านการอบรมหลักสูตรการใช้อาวุธปืนเบื้องต้น

หากประสงค์ให้คนร้ายถึงแก่ความตายย่อมสามารถทำได้ และเมื่อพิจารณาจากบาทแผลของหนึ่งในคนร้ายที่ถูกยิงพบว่า ถูกยิงบริเวณต้นขาเท่านั้น จึงเป็นการกระทำสมควรแก่เหตุที่ไม่เกินกรณีแห่งการที่จำต้องกระทำ เพื่อป้องกันสิทธิของตนได้กระทำของผู้ต้องหา จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามกฎหมายอาญา มาตรา 68 ไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายพิสิฐ ระพิทย์พันธ์ ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 68, 80 ,288

ขอบคุณญาติพี่น้อง ครอบครัว และเพื่อน ๆ อันเป็นที่รักทุกคนที่คอยช่วยเหลือเป็นกำลังใจนะครับ ต่อไปนี้คงต้องหาโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยว หาเวลาพักผ่อนบ้าง ออกกำลังกายบ้าง เราก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ใช้ชีวิตให้ปลอดภัย รักทุกคนนะครับ”

ครบรอบ ถูกปล้นร้านทอง ตาก
ภาพจาก Facebook : Pisit K Rapitpunt

หลังจากโพสต์ถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตต่างเข้ามาร่วมยินดีกับเจ้าของร้านทองเป็นจำนวนมาก และถือเป็นประสบการณ์ที่แชร์เป็นอุทาหรณ์ สำหรับเจ้าของร้านหรือผู้ประกอบการธุรกิจอื่น ๆ ที่ต้องระมัดระวังตนเองและทรัพย์สิน รวมถึงมีสติเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น

Kamonlak

นักเขียนข่าวประจำ Thaiger ผู้มีความสนใจที่หลากหลาย มีประสบการณ์เชี่ยวชาญเขียนข่าวการเงิน เศรษฐกิจ จบการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ งานอดิเรก ติดตามข่าวสารความบันเทิง โดยเฉพาะภาพยนตร์และแอนิเมชัน เขียนงานโดยมีแนวคิดที่ต้องการถ่ายทอดมุมมองของตัวเองและถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ช่องทางติดต่อ kamonlak@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button