การเงินเศรษฐกิจ

ต้นทุนสร้างครอบครัว แต่งงานมีลูก ควรมีเงินเดือนอย่างน้อยกี่บาท เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

ยุคที่เศรษฐกิจย่ำแย่ ค่าครองชีพสวนทางกับรายได้แบบนี้ คงไม่น่าแปลกใจที่หนุ่มสาวสมัยใหม่จะอยู่เป็นโสด ถึงอย่างนั้นยังมีหนุ่มสาวบางส่วนที่ใฝ่ฝันอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกน้อยแสนน่ารัก รวมถึงมีคนข้างกายไว้อยู่เคียงข้างกันยามแก่ชรา บทความนี้ทีมงาน Thaiger จะพามาดูกันว่า อยากแต่งงานมีลูกควรมีเงินเดือนอย่างน้อยกี่บาท เพื่อซื้อสังคมให้ลูกน้อยได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ

ส่วนแบ่งเงินเดือนที่ต้องจ่ายหากมีลูก

ก่อนที่จะคำนวณว่าควรมีเงินเดือนขั้นต่ำเท่าไร เพื่อให้เพียงพอต่อการส่งเสียเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่ง เรามาดูค่าใช้จ่ายสำหรับการมีลูกอย่างคร่าว ๆ กันก่อน เพราะนอกจากค่ากิน ค่าศึกษาเล่าเรียน ค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยแล้ว เด็กเล็กและช่วงวัยเรียนยังมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ อีกมากมาย มาลองดูกันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

1. ค่าฝากครรภ์และคลอดลูก

สิ่งแรกที่คุณแม่มือใหม่ต้องทำเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์คือการฝากท้อง แม้การฝากครรภ์ หรือตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลรัฐจะมีราคาย่อมเยาเข้าถึงง่าย หากมีสิทธิบัตรทอง แต่หากต้องการฝากท้องในโรงพยาบาลเอกชน เนื่องจากทีมแพทย์และพยาบาลให้ความดูแลอย่างใกล้ชิดมากกว่าก็จะเสียค่าใช้จ่ายแพงขึ้นไป

สำหรับค่าใช้จ่ายการพบแพทย์เพื่อฝากครรภ์ ตรวจครรภ์ ค่าอัลตร้าซาวด์ รวมถึงค่าทำคลอดลูกที่โรงพยาบาลเอกชน โดยรวมแล้วค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์ 9 เดือน จะอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล และแพ็กเกจที่เราเลือกอีกด้วย

2. ค่าอุปกรณ์เด็กแรกเกิด

พัฒนาการวัยเด็กเป็นสิ่งสำคัญ คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านต้องคำนึงถึงอุปกรณ์การเลี้ยงดูลูกด้วย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเด็กแรกเกิด ผ้าอ้อม รถเข็นเด็ก เปลนอน อาหารเสริม ของเล่นเสริมพัฒนาการสารพัดสิ่ง รวมถึงนมผงหากลูกน้อยหย่านมแม่แล้ว

หากคำนวณราคาผ้าอ้อมเด็กทารกคร่าว ๆ จะอยู่ที่ 300 บาทต่อ 6 ผืน ส่วนราคานมผงเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 1 ปี อยู่ในช่วงราคา 200 – 1,400 บาท ปริมาณการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปและการกินนมของเด็กแต่ละคนจะแตกต่างกันไป สามารถคำนวณค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคร่าว ๆ จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 10,000 บาทต่อเดือน

3. ค่าเล่าเรียน

การศึกษาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ทุกคน นอกจากจะเป็นการเข้าสังคมในรูปแบบหนึ่งแล้ว วิชาความรู้ยังช่วยต่อยอดความฝันและการประกอบอาชีพให้เด็กได้ ปัจจุบันรัฐบาลมีโครงการเรียนฟรี 15 ปี ประกอบด้วยค่าอุปกรณ์การเรียน ค่านมโรงเรียน ค่าอาหารกลางวัน ซึ่งค่าเทอมจะแตกต่างกันไปตามแต่ละโรงเรียน รวมค่าเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จะอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 60,000 บาท ไม่รวมค่าเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์การเรียน

โรงเรียนเอกชนจะมีค่าเทอมเฉลี่ยอยู่ที่ 40,000 – 80,000 บาทต่อปี ไม่รวมค่าแรกเข้า ค่าเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์การเรียน ส่วนระดับมหาวิทยาลัยจะมีค่าเทอมที่สูงขึ้นอีก ปัจจุบันมหาวิทยาลัยรัฐจะมีค่าเทอมประมาณ 20,000 บาท ส่วนมหาวิทยาลัยเอกชนจะมีค่าเทอมประมาณ 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับสาขาวิชาและมหาวิทยาลัย

4. ค่าอาหารการกิน

เรื่องอาหารการกินโดยปกติแล้วจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบ้าน บางครอบครัวรับประทานอาหารต่อมื้อหลักพันบาท แต่บางครอบครัวเลือกรับประทานอาหารในหลักสิบ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อลูกเข้าสู่รั้วโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย พ่อแม่ต้องให้เงินเดือนเพื่อใช้ซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงค่าอาหารการกิน มากหรือน้อยตามกำลังทรัพย์

ช่วงวัยเด็กถึงวัยเรียนระดับชั้นมัธยมอาจมีค่ากินของลูกประมาณ 4,000 บาทต่อเดือน แต่เมื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัยค่าใช้จ่ายอาจพุ่งไปถึง 10,000 บาท ไม่รวมค่าหอ หรือค่าเดินทางเรียน

5. ค่ารักษาพยาบาล

เด็กเล็กเป็นช่วงวัยที่อ่อนแอง่าย หากลูกมีโรคประจำตัวก็จะเพิ่มค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มขึ้นไปอีก นอกจากนี้ในช่วงฤดูกาลเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เด็กป่วย ไม่สบายบ่อย คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมเงินไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลด้วย

นอกจากค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ข้างต้นแล้ว การแต่งงานมีลูก พ่อแม่ต้องมีเงินเดือนที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าพี่เลี้ยงเด็ก หากไม่มีเวลาดูแลลูกด้วยตนเอง ค่าของใช้ส่วนตัวเมื่อลูกโตขึ้น

สร้างครอบครัว มีเงินเดือนอย่างน้อยกี่บาท

มีเงินเดือนอย่างน้อยกี่บาท ลูกถึงเติบโตอย่างมีคุณภาพ

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จำเป็นหากมีลูก หากลองคำนวณคร่าว ๆ ดูแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาทต่อปี หรือเฉลี่ยเดือนละ 8,300 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู ค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารการกินของลูก ค่าเรียนที่แตกต่างกันไปตามแต่ละโรงเรียน และต้องคำนึงไว้ด้วยว่า ยิ่งลูกอายุมากขึ้น ค่าใช้จ่ายิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย

ดังนั้นเงินเดือนที่เหมาะสมสำหรับการสร้างครอบครัว และเลี้ยงดูลูกอย่างมีคุณภาพ ไม่ขัดสนทางการเงิน ควรมีเงินเดือนอย่างน้อยอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 100,000 บาทต่อเดือน เพื่อให้พ่อแม่สามารถดูแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้อย่างเพียงพอ

สาเหตุเพราะนอกจากค่าใช้จ่ายของลูกในแต่ละเดือนแล้ว ต้องคำนึงถึงเงินเดือนที่ต้องจ่ายหนี้สินอื่น ๆ ที่จำเป็น เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ รวมถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัวของตนเอง หากเงินเดือนน้อยเกินไป ใช้จ่ายเดือนชนเดือน อาจทำให้การมีลูกเป็นการเพิ่มภาระแก่ตัวเราเองได้

อย่างไรก็ตาม การแต่งงานมีลูกขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต ค่าครองชีพในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ ความต้องการในการเลี้ยงดูลูก เนื่องจากพ่อแม่บางท่านอาจต้องการซื้อสังคมให้ลูก ต้องเรียนโรงเรียนเอกชนที่มีราคาแพง ในขณะที่พ่อแม่บางท่านอาจไม่ได้เคร่งครัดเรื่องคุณภาพชีวิตของลูกมากนัก

นอกจากความพร้อมเรื่องการเงินรายเดือนที่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่ง ให้สามารถเติบโตมาในสังคมได้อย่างสดใสแข็งแรงแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความพร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ควรมองข้าม หากเราตัดสินใจที่จะแต่งงานมีลูก

ถ้าอยากแต่งงานมีลูก ควรต้องมีเงินเดือนอย่างน้อยกี่บาท

อ้างอิงข้อมูลจาก ธนาคารออมสิน

Kamonlak

นักเขียนข่าวประจำ Thaiger ผู้มีความสนใจที่หลากหลาย มีประสบการณ์เชี่ยวชาญเขียนข่าวการเงิน เศรษฐกิจ จบการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ งานอดิเรก ติดตามข่าวสารความบันเทิง โดยเฉพาะภาพยนตร์และแอนิเมชัน เขียนงานโดยมีแนวคิดที่ต้องการถ่ายทอดมุมมองของตัวเองและถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ช่องทางติดต่อ kamonlak@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button