กู้ชีพเกือบไม่รอด ญาติปิดข้อมูลผู้ป่วยคลั่งยาเสพติด ใช้เลื่อยยนต์สับรถพยาบาลยับ
เจ้าหน้าที่กู้ชีพเล่าประสบการณ์ ญาติปกปิดข้อมูลผู้ป่วย แจ้งว่ากินยาเบื่อหนู แท้จริงคลุ้มคลั่งยาเสพติด ใช้เลื่อยยนต์ไฟฟ้าสับรถพยาบาลเละ
ทุกวินาทีที่อยู่บนท้องถนน และต้องขับรถอย่างเร่งรีบขณะนำส่งผู้ป่วยก็เสี่ยงพอแล้ว แต่หากญาติปกปิดข้อมูลผู้ป่วยต่อเจ้าหน้าที่กู้ชีพอาจจะทำให้ความเสี่ยงเพิ่มยิ่งกว่า ผู้ใช้งานเพจเฟซบุ๊ก โจโจ้ คนชิคชิค เจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แชร์ประสบการณ์ระทึกขวัญที่ประสบพบเจอ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ระบุว่า
“19.45 น. รับเเจ้งจาก1669 ชายไทยกินยาเบื่อหนู มีอาการปวดท้อง ให้กู้ชีพออกรับที่บ้าน ญาติเร่งให้รถออกรับโดยเร็ว บอกผู้ป่วยปวดท้องมาก
19.46 น. ซักถามอาการทางโทรศัพท์ ปฏิเสธการใช้ substance และพยายามบอกให้ทีมรีบไปรับโดยเร็ว
19.47 น. ทีมเดินทางออกรับผู้ป่วย โดยมีพยาบาล 1 คน AEMT 1 คน EMT-B 1 คน และพนักงานขับรถ 1คน
20.15 น. ถึง scene บ้านผู้ป่วยต้องเข้าไปสุดซอย และเป็นซอยตัน มีชาวบ้านใกล้เคียงออกมาดูที่หน้าบ้านของตัวเองมากมาย บางคนออกมาเดินที่ถนนภายในซอยโดยมีท่าทีที่แตกตื่น ในเวลาเดียวกันก็มีสุนัขจำนวน 3 ตัวเห่า เเละพยายามวิ่งตามรถกู้ชีพซึ่งขัดขวางต่อการปฏิบัติงาน ทำให้ทีมไม่สามารถออกไปประเมินคนไข้ได้ เพราะ scene ไม่ safe
ระหว่างนั้นได้ยินเสียงดังตุ๊บที่หลังคารถ เหมือนของแข็งกระทบที่หลังคา แต่มองไม่เห็นว่าเป็นอะไร เพราะรอบ ๆ เป็นป่ามืดสนิท ไม่มีแสงสว่างนอกจากเเสงจากตัวรถ และชาวบ้านเริ่มแตกตื่น ต่อมาได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ดังขึ้น…จากนั้นก็ได้ยินเสียงชาวบ้านตะโกนว่าอย่าทำเขา
วินาทีนั้นสถานการณ์เริ่มไม่ดี จึงให้คนขับรถล็อกประตูและรีบถอยรถออกจาก scene ซึ่ง scene เป็นซอยตันเเละเเคบมาก ช่องทางเดินรถใช้เข้า-ออกทางเดียว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังจากท้ายรถ พขร.มองจากกระจกมองข้างเห็นคนไข้ถือเลื่อยยนต์เข้ามาเฉือนกระจกประตูท้ายรถตู้ ซึ่งมี EMT-B อยู่ท้ายรถตู้ ซึ่งหลบได้ทันไม่ได้รับบาดเจ็บ
จากนั้นคนไข้ก็ใช้เลื่อยยนต์มาเฉือนกระจกด้านข้างซ้ำ ใกล้เคียงกับบริเวณส่วนหน้ารถตู้ที่มีเจ้าหน้าที่โดยสารอยู่ ขณะนั้นทุกคนในรถพยายามหลบที่พื้นรถเพื่อป้องกันอันตราย เเละร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวเหมือนกำลังเผชิญกับความอันตราย/ความตาย
ทุกคนเพ่งมองไปรอบตัวรถ เเละมองว่าใครคือคนทำ เเละคนทำอยู่ทิศทางไหนของรถ ซึ่งเราไม่สามามารถมองเห็นได้เลยเพราะรอบข้างมืดสนิท เสมือนเราเป็นเป้านิ่ง เราร้องขอความช่วยเหลือให้หยุดการกระทำที่รุนแรง แต่ไม่มีใครช่วยพวกเราได้ นอกจากพวกเราต้องรีบออกจากบริเวณจุดนี้โดยเร็วที่สุด
ท้ายที่สุด พขร.ทำหน้าที่ได้ดีมาก พยายามกลับรถในช่องทางแคบอย่างรวดเร็ว และพาทุกคนออกจากพื้นที่อันตรายได้โดยปลอดภัย
สรุปคนไข้คลุ้มคลั่งยาเสพติด แต่ญาติปกปิดข้อมูลไม่ยอมบอกความจริง ขอบคุณสุนัข 3 ตัวที่เห่าไม่ยอมให้ลงจากรถ วินาทีนั้นคือหวาดกลัวสุด ๆ แต่พอรอดออกมาได้ทุกคนกอดให้กำลังกันเเละโล่งใจที่สุด
ตอนนี้ทุกคนมีกำลังใจที่ดีแล้วไม่ได้ panic หรือ PTSD ขอบคุณพลังของ ERTream ที่คลี่คลายวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี 1669 ยังคงทำงานอย่างหนัก และ 1669 โทรได้กรณีอุบัติเหตุและเจ็บป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขอความกรุณาหากพบคนคลุ้มคลั่งให้เเจ้งตำรวจไม่ใช่ให้รถพยาบาลออกรับ
ขอความกรุณาอย่าปกปิดบิดเบือนความจริง ความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกวินาทีทุกคนที่ทำงาน EMS โปรดศึกษาจากเคสนี้ด้วยนะ แต่ทีมยังคงทำงานได้ปกติดีเพราะมีพลังใจที่แข็งแรงและเข้มแข็ง”
หลังจากโพสต์ถูกเผยแพร่ มีผู้ใช้งานกดแชร์ไปมากกว่า 6.5 พันครั้ง นอกจากนี้ชาวเน็ตยังเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ชีพ เนื่องจากเป็นอาชีพที่ทำงานอยู่บนความเสี่ยงอยู่เสมอ