จับตา! ฟิลิปปินส์ สัปดาห์เดียวเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ 2 ระลอก อาฟเตอร์ช็อกรวมนับหมื่น

สรุปสถานการณ์แผ่นดินไหวต่อเนื่องในฟิลิปปินส์ เริ่มจาก M6.9 ที่เซบู ตามด้วย M7.6 ที่มินดาเนาวันนี้ ทำให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกรวมกันมหาศาล และเตือนภัยสึนามิครั้งล่าสุด
ประเทศฟิลิปปินส์ กำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรณีวิทยาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเวลาเพียง 10 วัน ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ถึง 2 ครั้งในพื้นที่ที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกนับหมื่นครั้ง และล่าสุดได้มีการประกาศเตือนภัยสึนามิในวันนี้ (10 ต.ค. 68)
แผ่นดินไหวใหญ่ 2 ครั้งในรอบ 10 วัน
แผ่นดินไหวที่เซบู (30 ก.ย. 68) ขนาด 6.9 นอกชายฝั่งเมืองโบโก จังหวัดเซบู เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความเสียหายอย่างหนักและมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 70 ราย สิ่งที่ตามมาคือ อาฟเตอร์ช็อกจำนวนมหาศาล โดยสถาบันภูเขาไฟและแผ่นดินไหววิทยาของฟิลิปปินส์ (PHIVOLCS) รายงานว่ามีอาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นตามมา มากกว่า 10,000 ครั้ง (นับรวมแรงสั่นสะเทือนขนาดเล็ก)
แผ่นดินไหวที่มินดาเนา (10 ต.ค. 68) ในช่วงเช้าวันนี้ ได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงอีกครั้ง ขนาด 7.5-7.6 นอกชายฝั่งเกาะมินดาเนา ทำให้เกิด การเตือนภัยสึนามิ ในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และปาเลา โดยคาดการณ์ว่าอาจมีคลื่นสูงถึง 3 เมตร และมีคำสั่งอพยพประชาชนในหลายจังหวัด ขณะนี้ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 5.9 และ 5.6 ตามมาแล้ว

ทำไมตัวเลขอาฟเตอร์ช็อกถึงต่างกัน?
หลายคนอาจสับสนกับจำนวนแผ่นดินไหวที่ถูกรายงาน ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้ กรณ๊ตัวเลขหลักหมื่น มาจากหน่วยงาน PHIVOLCS ของฟิลิปปินส์ ที่นับรวมแรงสั่นสะเทือน ทุกขนาด ที่ตรวจจับได้ ทำให้ยอดรวมจากคลัสเตอร์ที่เซบูพุ่งสูงมาก
ส่วนตัวเลขหลักสิบหรือหลักหน่วย มาจากการนับเฉพาะแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ (ตั้งแต่ M5.0 ขึ้นไป) ที่สามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนและมีโอกาสสร้างความเสียหาย ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมามีเกิดขึ้นอย่างน้อย 4-5 ครั้งจากทั้งสองเหตุการณ์
สถานการณ์ล่าสุดยังคงต้องจับตาไปที่เหตุแผ่นดินไหวที่มินดาเนา ซึ่งกำลังเกิดอาฟเตอร์ช็อกระลอกใหม่อย่างต่อเนื่อง และยังคงมีความเสี่ยงเรื่องสึนามิในพื้นที่ชายฝั่งใกล้เคียง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คลิปนาทีหนีตาย ฟิลิปปินส์แผ่นดินไหว 7.4 เตือนสึนามิ ประชาชนหนีตายอลหม่าน
- ด่วน! แผ่นดินไหวขนาด 7.6 เขย่าฟิลิปปินส์ เตือนภัยสึนามิสูง 3 เมตร
- ยอดตายแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ พุ่งขึ้น 60 ศพ เจอเขย่าซ้ำ 200 ครั้ง
ข้อมูลจาก
ติดตาม The Thaiger บน Google News: