“อ.ทัศนัย” เปิดใจ เคยถูกหักเงินเดือนเหลือ 118 บาท หากแบ่งจ่ายคงเหลือ 59 บาท
อ.ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์ มช. เล่าความหลัง เคยถูกหักเงินเดือนจนเหลือ 118 บาท เป็นเวลา 1 ปี สอน นศ. จนหน้ามืด เผยหากแบ่งจ่ายคงเหลือ 59 บาท
หลังจากเคาะมติครม. รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 66 ในการเปลี่ยนระบบการจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 งวด เริ่มต้น 1 ม.ค. 67 นี้ ทำให้ข้าราชการได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกันหลากหลายประเด็น โดยความเห็นส่วนใหญ่ไปในทางไม่เห็นด้วย เนื่องจากมีภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายรออยู่เพียบ แต่เงินเดือนออกมาทีละครึ่งหนึ่ง อาจทำให้สภาพคล่องทางการเงินย่ำแย่กว่าเดิม
ต่อมา เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 อ.ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์ภาควิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว Thasnai Sethaseree เล่าถึงความหลังที่ถูกทางมหาวิทยาลัยหักเงินเดือนจนเหลือ 118 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 1 ปี ทำให้ตนต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
อ.ทัศนัย เผยว่า ตอนบรรจุเป็นอาจารย์ประจำเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ได้รับเงินเดือน 17,500 บาท พ่อกับแม่ได้เอาเงินบำนาญของท่านมาซื้อที่ดินให้แปลงหนึ่งและช่วยออกค่าสร้างบ้านให้ อีกส่วนตนแอบไปกู้สวัสดิการมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้บอกทางบ้าน
ในทุกเดือน เงินเดือนของตนจะถูกหักหนี้สวัสดิการฯ ทันที 70% จากเงินเดือน ทำให้เหลือเงินไม่กี่พันบาทสำหรับใช้จ่าย ซึ่งตนสามารถอยู่ได้ เพราะไม่ได้ใช้เงินกับอะไรเลย มีเพียงแค่ค่ากิน ค่าน้ำมันรถไปทำงาน ซื้อต้นไม้มาปลูกเท่านั้น
จนวันหนึ่งเกิดข้อพิพาทกับทางมหาวิทยาลัยเรื่องการลาศึกษาต่อ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการรับทุนฯ ทำให้ต้องไปต่อสู้กันที่ศาลปกครอง โดยใช้เวลาถึง 5 ปี กว่าคดีจะสิ้นสุด แต่ก่อนจะจบเรื่องดังกล่าว ตนก็โดนทางมหาลัยฯ หักเงินเดือนที่เหลือเพียงไม่กี่พันบาท ด้วยเหตุผลของการใช้เวลาในการลาศึกษาเกินกำหนด ทั้งที่ความจริงเรื่องการลายังไม่มีการอนุมัติและยังมาปฏิบัติงานสอนตามปกติ กว่า 5 ปีที่ผู้บริหารไม่ลงความเห็นว่าจะอนุมัติให้ลาได้หรือไม่ จนมหาลัยฯ ใช้วิธี (หรือวิชามาร) ให้อนุมัติการลาย้อนหลัง และจ่ายเงินส่วนที่เคยหักไปจากเงินเดือนคืนทั้งหมด
จากนั้น อ.ทัศนัย จึงได้เฉลยยอดเงินเดือนที่เหลือจากการถูกหักจากทางมหาลัยฯ นั่นก็คือ 118 บาท และต้องใช้เงินเดือนจำนวนเท่านี้เป็นเวลา 1 ปีเต็ม คงจะจินตนาการไม่ออกว่าใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร
บัตรเครดิตและบัตรเงินสดของ อ.ทัศนัย ทุกใบ มียอดการใช้เต็มวงเงิน เพราะต้องหมุนเอาบัตรนั้นมาจ่ายบัตรนี้ วน ๆ ไป ธนาคารก็โทรมาทวงนี้จนตนกลัวที่จะรับโทรศัพท์ เวลาแม่มาหาทีก็จะซื้อเสบียงมาไว้ให้ ซึ่งเป็นปกติเวลาที่บ้านมาหา แต่ตนไม่เคยเอ่ยปากบอกพ่อแม่ว่าเหลือเงินใช้เพียงหลักร้อยต่อเดือน
รถยนต์ก็ไม่ขับ เพราะไม่มีเงินเติมน้ำมัน ใช้เพียงมอเตอร์ไซค์เก่า ๆ ไปสอนหนังสือ บางครั้งก็น้ำมันหมดกลางทาง ไปไม่ถึงห้องเรียนก็เคย น้ำปลา ซอสต่าง ๆ ที่แม่ซื้อไว้ให้ก็เอาไปใส่กับข้าวต้มที่หุงจากข้าวเหนียวเพื่อให้ได้ปริมาณที่มากพอนำไปแบ่งลูกหมา 2 ตัวที่พ่อส่งมาให้จากกรุงเทพฯ ลุงที่ทำแปลงผักก็แบ่งผักมาให้กินบ้าง บุหรี่ก็จุดจิ้งหรีดสูบบ้าง ซื้อยาเส้นมาสูบบ้าง
อย่างไรก็ตาม อ.ทัศนัย ได้เล่าเพิ่มเติมว่า ครั้งหนึ่งหลังการบรรยายนักศึกษาเสร็จ เกิดอาการหน้ามืดจะเป็นลม เนื่องจากไม่ได้กินข้าวบ่อย บางคลาสนักศึกษาในปีการศึกษานั้น เห็นตนสะอึกออกมาเป็นเลือดเลอะเต็มโต๊ะก็เคยมี ตนไม่ค่อยสบาย แต่ก็หยุดสอนหนังสือไม่ได้
เรื่องที่ตนได้มานำมาบอกเล่านั้น คือประสบการณ์ของพนักงานรัฐคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีสมบัติพัสถานติดอะไรติดตัวมาแต่กำเนิด ตนเชื่อว่าข้าราชการและพนักงานรัฐอีกหลายแสนคนในประเทศนี้ก็คงไม่ได้สุขสบายไปกว่าตนเท่าใดนัก ก่อนที่จะได้ทิ้งท้ายแบบติดตลกว่า โชคดีอยู่เรื่องหนึ่ง คือ ตอนนั้นยังไม่มีใครคิดแบ่งจ่ายเงินเดือนเป็น 2 รอบ มิฉะนั้นตนคงได้รับเงิน 59 บาท ทุก 2 อาทิตย์