การเงินข่าวธุรกิจเศรษฐกิจ

ขุดกรุ ปั๊มเอสโซ่ ตำนานจ่ายน้ำมัน 129 ปี เจ้าของสโลแกน “จับเสือใส่ถังพลังสูง”

พาย้อนตำนาน ปั๊มเอสโซ่ ในไทย เส้นทาง 129 ปี ที่อีก 2 วัน จะเหลือไว้แต่ความทรงจำ หลังข่าวบางจากเทกโอเวอร์ เข้าซื้อกิจการ 100% พร้อมทยอยเปลี่ยนป้ายปั๊มเอสโซ่เป็นบางจาก เริ่ม 1 กันยายน 2566 นี้

จากกรณีข่าว “ปิดตำนานปั๊มเอสโซ่ในไทย” โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค. เฟซบุ๊กแฟนเพจ BrandAge Online โพสต์ข้อความพร้อมภาพ การเตรียมปิดฉากปั๊มเติมน้ำมันที่ใช้โลโก้สัญลักษณ์รูปเสือจนเป็นที่จดจำของผู้ใช้บริการ โดยเนื้อหาประกาศอำลาดังกล่าว ระบุ

“3 วันสุดท้ายก่อนบ๊ายบายพี่เสือ ทยอยเปลี่ยนป้ายปั๊ม “เอสโซ่” เป็น “บางจาก” เริ่ม 1 กันยายนนี้ หลังจากปิดดีลการเข้าซื้อปั๊มน้ำมันโลโก้เสือ “เอสโซ่” โดย “บางจาก” เมื่อต้นปีนี้ โดยเข้าซื้อหุ้นมากกว่า 65% ของเอสโซ่จากเอ็กซอนโมบิล มูลค่าตั้งต้นซื้อขายตามมูลค่ากิจการที่ 55,500 ล้านบาท”

“แล้วบางจากจะได้อะไรจากเอสโซ่บ้าง? สิ่งที่บางจากได้ไปคือ สถานีบริการน้ำมันราว 700 สถานี ที่กำลังจะทยอยเปลี่ยนป้ายจากเอสโซ่เป็นบางจากภายใน 2 ปีนี้”

“มากไปกว่านั้น บางจากยังได้โรงกลั่นน้ำมัน เครือข่ายคลังน้ำมัน ที่จะเข้ามาเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันต่อวัน และจัดหาแหล่งน้ำมันดิบดี ๆ ได้มากขึ้นอีกด้วย”

เนื้อหาข้างต้นซึ่งทางเพจแบรนด์เอจออนไลน์ได้ลงเผยแพร่ไว้วานนี้ (29 ส.ค.66) โดยต่อมายังได้มีการเสริมข้อมูลการให้บริการล่าสุด ทั้งเรื่องของสูตรน้ำมันและคะแนนสะสมด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • แต้มคะแนนสะสมยังแลกได้อยู่ โอนคะแนนไปบางจากได้
  • น้ำมันเปลี่ยนสูตรเป็นของบางจากต้นเดือนหน้า
ข่าวปิดปั๊มเอสโซ่
ภาพจาก : Facebook @brandageonline

เปิดประวัติ ปั๊มเอสโซ่ เจ้าของสโลแกน “จับเสือใส่ถังพลังสูง”

“บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)” เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านปิโตรเลียมและปิโตรเคมีอย่างครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่โรงกลั่นน้ำมันอันทันสมัยที่ อ.ศรีราชา และเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ ผลิตภัณฑ์หลักของเราประกอบไปด้วย น้ำมันเชื้อเพลิงหลากหลายประเภท ผลิตภัณฑ์เคมีที่ใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้น และน้ำมันหล่อลื่น

เอสโซ่ รูป

อีกทั้งบริษัทยังทำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และเคมีภัณฑ์อื่น โดยช่องทางขายผ่านทางลูกค้ารายย่อยและทางเครือข่ายที่กว้างขวางของสถานีบริการน้ำมันค้าปลีก ภายใต้ชื่อการค้าเอสโซ่ รวมทั้งขายโดยตรงให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม ค้าส่ง การบินและการเดินเรือ

เริ่มต้นเดิมที ตั้งแต่ พ.ศ. 2437 บริษัท แสตนดาร์ดออยล์แห่งนิวยอร์ก เปิดสาขาในประเทศไทยที่ตรอกกัปตันบุช หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ซอยเจริญกรุง 30” เป็นซอยแยกจากถนนเจริญกรุงในพื้นที่แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร โดยเปิดสาขาขึ้นเพื่อจุดประสงค์จำหน่ายน้ำมันก๊าดตราไก่และตรานกอินทรี

  • พ.ศ. 2474 บริษัท แสตนดาร์ดออยล์แห่งนิวยอร์ก และบริษัท แว๊คคั่มออยล์ ร่วมกันจัดตั้ง บริษัท โซโกนีแว๊คคั่ม คอร์ปอเรชั่น และจำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่นตรา “การ์กอยส์”
  • พ.ศ. 2476 ร่วมทุนกับบริษัทแสตนดาร์ดออยส์ (นิวเจอร์ซี) และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท แสตนดาร์ดแว๊คคั่มออยล์ จำกัด ใช้เครื่องหมายการค้า “ม้าบิน” พ.ศ. 2490 รับชื้อกิจการคลังน้ำมันช่องนนทรีจากกรมเชื้อเพลิงมาดำเนินการ
  • พ.ศ. 2505 เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น บริษัท เอสโซ่ แสตนดาร์ด อีสเทอร์น จำกัด ในวันที่ 1 เมษายน 2505 และเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายการค้าจาก “ตราม้าบิน” มาเป็น “ตราเอสโซ่” ในวงรีรูปไข่

บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รูปในอดีต

รูปปั๊มเอสโซ่ ปิดกิจการ

ทั้งนี้ มีรายงานว่า การเข้าซื้อหุ้นเอสโซ่ครั้งนี้ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและทำให้ “บางจาก” มีรายได้ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น 1,500-2,000 ล้านบาททันที

อ้างอิงข้อมูลจาก “มติชน” ระบุ การลงทุนครั้งนี้ ใช้วงเงินรวม 55,500 ล้านบาทในการซื้อหุ้นทั้ง 100% สินทรัพย์ที่บางจากฯจะได้รับ คือ โรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมันคิดเป็นปริมาณน้ำมันดิบ 7.4 ล้านบาร์เรล และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง อีกด้วย.

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button