เปิด 10 รายชื่อบุคคลเข้าเยี่ยมทักษิณ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ “อุ๊งอิ๊ง” โผล่ชื่อแรก-พร้อม 3 ทนาย
เปิดรายชื่อบุคคลเข้าเยี่ยม ทักษิณ ชินวัตร ที่พักรักษาตัว ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ วันแรก หลังราชทัณฑ์เปิดให้ลงทะเบียน อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร โผล่รายชื่อแรก ครอบครัวชินวัตร มาครบ โอ๊ค พานทองแท้ เอม พินทองทา พร้อมสามี มือกฏหมายอีก 3 ราย และอีกรายชื่อหนึ่ง นักธุรกิจตำแหน่งประธานบริหารอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่
ภายหลังจากกรมราชทัณฑ์ มีการเปิดให้ญาติและครอบครัว ผู้ประสงค์เข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พักรักษาตัวและกักโรคโควิด-19 ที่โรงพยาบาลตำรวจ แทนการรักษาตัวที่ห้องพยาบาล หรือ แดน 7 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เนื่องด้วยอาการเจ็บป่วยหลายโรครุมเร้า และต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์รวมถึงแพทย์เฉพาะทางเพื่อการรักษา ครบระยะเวลา 5 วัน ได้ทำการลงทะเบียนรายชื่อเข้าเยี่ยมสำหรับวันที่ 28 ส.ค.2566 จำนวน 10 รายชื่อ
โดยล่าสุด (29 ส.ค.66) อ้างอิงข้อมูลจาก สำนักข่าวเดลินิวส์ ซึ่งได้มีการเปิดเผยรายงานจากหน้าอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา รพ.ตำรวจ ระบุถึงรายชื่อญาติและผู้ที่จะเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชิณวัตร ทั้ง 10 ราย ประกอบด้วย
- น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย
- นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีของน.ส.แพทองธาร
- บุตรสาวของน.ส.แพทองธาร
- น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือ “เอม” กรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคม
- นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น สามีของ น.ส.พินทองทา
- นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือ “โอ๊ค” บุตรชายคนโตของนายทักษิณ
- น.ส.ณัฐฐิญา ปวงคำ ภรรยาของนายพานทองแท้
- ทนายความ
- ทนายความ
- ทนายความ
ในส่วนของรายชื่อนักกฏหมายทั้ง 3 รายที่ลงชื่อเข้าเยี่ยมนายทักษิณนั้นเป็นใคร จากรายงานยังไม่ได้ระบุชื่อ-นามสกุลจริงออกมา ซึ่งหากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
ต่อมารายงานจากข่าวสด ระบุ ทางครอบครัวของนายทักษิณได้แจ้งขอเลื่อนการเข้าเยี่ยมครั้งนี้ไปก่อน ส่วนทนายความทั้งสามคนยังไม่ได้รับความชัดเจน ขณะที่ด้านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ โรงพยาบาล ได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนไม่ให้มารอที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน
อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ อัปเดตข้อมูล่าสุด “อุ๊งอิ๊ง” หรือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เดินเข้าเยี่ยมบิดาของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วพร้อมกับทนายความ อ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าวไทยพีพบีเอส (@ThaiPBS.)
ขอบคุณคลิป : ยูทูบ (Youtube.) Thai PBS News / @ThaiPBSNews.