ไลฟ์สไตล์

เปิดความเชื่อ ‘วันครีษมายัน’ 21 มิ.ย. 66 กลางคืนสั้น กลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี

เปิดความเชื่อน่ารู้ ‘วันครีษมายัน’ 21 มิถุนายน 2566 กลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี รวมเวลาที่เราเห็นดวงอาทิตย์ 12 ชั่วโมง 56 นาที ถือเป็นจุดสำคัญของการเปลี่ยนผ่านและการเริ่มต้น

ครีษมายัน (ครีด-สะ-มา-ยัน) หรือ อุตรายัน (The summer solstice) เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด ทำให้ช่วงเวลากลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี สำหรับประเทศทางซีกโลกเหนือ นับเป็นวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้ช่วงกลางวันจะสั้นที่สุดในรอบปี นับเป็นวันที่เข้าสู่ฤดูหนาว

นอกจากนี้ วันครีษมายัน ยังเป็นวันที่ดวงอาทิตย์โคจรไปถึงจุดหยุด (Solstice) คือ จุดสูงสุดทางเหนือในช่วงวันที่ 20 มิถุนายน หรือ 21 มิถุนายน ซึ่งเป็นจุดในหน้าร้อน และมีกลางวันยาวนานกว่ากลางคืน หรือกลางวันยาวนานที่สุดในรอบยปีของประเทศทางซีกโลกเหนือ ส่วนในประเทศไทยของเรานั้น ดวงอาทิตย์จะปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเกือบ 13 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ในวันนี้ Thaiger ได้รวบความข้อมูลความเชื่อที่น่าสนใจในวันครีษมายัน วันที่ช่วงเวลาในตอนกลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี จะมีความเชื่ออะไรที่น่าสนใจให้ทุกคนได้ทราบบ้าง รวมถึงจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับความเชื่อและประเพณีต่าง ๆ ในวันครีษมายันรอบโลกที่เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน จะมีอะไรบ้าง มาดูความเชื่อในวันครีษมายันไปพร้อม ๆ กันได้เลยค่ะ

เปิดความเชื่อวันครีษมายัน สัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงที่ดีงาม

ในวันครีษมายัน (The Summer solstice) ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการเปลี่ยนผ่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฤดูกาล การเก็บเกี่ยวพืชผล รวมถึงเพิ่มพลังดี ๆ ให้แก่ชีวิตนับเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวันที่มีความหมายดี ๆ ตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน ทำให้ในวันดังกล่าวมีความเชื่อที่ตกทอดสืบเนื่องกันมา ดังนี้

1. สัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนผ่านฤดูกาล

วันครีษมายัน ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านตามฤดูกาล ตามที่บรรพบุรุษโบราณในหลายพื้นที่ให้ความสำคัญ ในฝั่งยุโรปมีความเชื่อโบราณกล่าวไว้ว่า ในวันครีษมายันเป็นวันที่ผู้คนมีโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิต ด้วยความเชื่อที่ว่าธาตุทั้งสี่ได้รวมกัน ทั้งดิน น้ำ ไฟ และอากาศ ครีษมายันจึงมีพลังเวทมนตร์ที่ไม่ธรรมดา ที่แม้แต่คนนอกศาสนายังให้ความเคารพ

2. พลังแห่งแสงอาทิตย์ ทำให้ความปรารถนาเป็นจริง

นอกจากพลังแห่งแสงอาทิตย์ในครีษมายัน จะเป็นสัณลักษณ์แห่งการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาลแล้ว ยังถือเป็นช่วงเวลาแห่งการประสบความสำเร็จ ราวกับดวงอาทิตย์ได้หลั่งพลังงานเชิงบวกมากมาย มอบความคุ้มครองและความเจริญรุ่งเรืองแก่ทุกคน จึงมีการจัดพิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อความรัก ความเจริญรุ่งเรือง และเพื่อการเก็บเกี่ยว

พลังจากแสงอาทิตย์ในวันครีษมายัน นอกจากจะทำให้ความปรารถนาเป็นจริงแล้ว พวกเขายังเชื่อว่าการปฏิบัติเช่นนี้จะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น มีความมั่นใจในตนเอง และมีเสน่ห์มากขึ้น ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อที่มอบพลังเชิงบวกทั้งสิ้น

ความเชื่อวันครีษมายันที่น่าสนใจ

ความเชื่อวันครีษมายัน ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

สำหรับวันครีษมายัน วันที่ช่วงกลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี ถือเป็นวันอีกหนึ่งวันที่มีความเชื่อและการเฉลิมฉลองแตกต่างกันไปตามแต่ประเพณีในแต่ละประเทศทั่วโลก ตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน โดยเราได้รวบรวมความเชื่อจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมาให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกัน ดังต่อไปนี้

1. ชาวสลาฟ

ชาวสลาฟในซีกโลกตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเทศกาลเฉลิมฉลองต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในเทศกาลใหญ่ของชาวสลาฟคือเทศกาล Kupala Night ซึ่งจัดขึ้นในวันครีษมายัน เพื่อให้ชาวสลาฟได้พักจากการทำงานในช่วงครึ่งปีแรกเพื่อเฉลิมฉลองเทศการนี้ และยังเป็นการบูชาคูปลา

ชาวสลาฟจะมีการเฉลิมฉลองอย่างรื่นเริงสนุกสนาน มีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ไฟ สมุนไพรและการทำนายเสี่ยงโชค รวมถึงพิธีการบูชาเทพคูปลาและเทพแห่งพระอาทิตย์ ชาวสลาฟมีความเชื่อว่าเทศกานี้ยังเป็นช่วงเวลาที่สิ่งไม่มีชีวิต เช่น พืช จะได้รับพลังจากเทพเจ้า

2. ประเทศจีน

ในเมืองยวี่หลิน มณฑลกว่างซีจ้วง ประเทศจีน จะมีการจัดเทศกาลกินลิ้นจี่และเนื้อหมา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันครีษมายันเป็นเวลา 10 วัน ในช่วงฤดูร้อนราวเดือนมิถุนายนของทุกปี โดยมีความเชื่อกันว่า การกินลิ้นจี่คู่กับเนื้อสุนัขจะช่วยคลายร้อนให้กับคนที่กิน ซึ่งเป็นประเพณีที่มีมาอย่างยาวนานหลายร้อยปีแล้ว

นอกจากนี้ชาวจีนยังมีความเชื่อกันอีกว่า ให้กินเส้นหมี่ในวันครีษมายัน ซึ่งให้ความหมายถึง ช่วงเวลากลางวันที่ยาวนานและการฉลองช่วงเวลาเก็บเกี่ยว ชาวจีนในหลาย ๆ พื้นที่จึงนิยมกินเส้นหมี่กันในวันดังกล่าว

รวมความเชื่อวันครีษมายันในประเทศจีน

3. ประเทศไต้หวัน

เนื่องจากไต้หวันตั้งอยู่ในเส้นรุ้ง 23.5 องศาเหนือพอดิบพอดี ทำให้ดวงอาทิตย์ส่องตรงลงมายังพื้นในลักษณะมุมฉาก และให้เป็นหนึ่งในเสน่ห์แห่งการท่องเที่ยวเชิงวิทยาศาสตร์ และศาสตร์แห่งความเชื่อ ซึ่งทางรัฐบาลได้มีการโปรโมทเทศกาล Summer Solstice อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวจากผู้ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับการรับพลังสุริยะ

นอกจากนี้ คนไต้หวันยังมีความเชื่ออีกว่าในวันครีษมายัน ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นสู่ฤดูร้อนและเป็นการสิ้นสุดลงของฤดูฝน ชาวไต้หวันจึงนิยมทานอาหารที่มีสรรพคุณแก้อาการร้อนใน หรือนิยมพักร้อนและไปเที่ยว เพื่อหลบร้อนในสถานที่ที่อากาศเย็นสบาย และสถานศึกษาก็จะปิดเรียนภาคเรียนฤดูร้อนกัน

4. ประเทศอังกฤษ

ในประเทศอังกฤษ จะมีผู้คนแห่กันไปรับพลังสุริยะเทพอย่างหนาแน่น ที่กองหินสโตนจ์เฮ้นน์ (Stonehenge) เพื่อชมแสงแรกของวันเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นขอบฟ้า และร่วมเฉลิมฉลองต้อนรับวันแรกของฤดูร้อน โดยเชื่อกันว่าพิธีกรรมฉลองวันครีษมายันที่สโตนเฮนจ์มีมาหลายพันปีแล้ว

สำหรับพิธีกรรมฉลองวันครีษมายันของคนอังกฤษนั้น พวกเขาจะยืนบนพื้นด้วยเท้าเปล่าแล้วหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ ผ่อนคลายและหลับตา สัมผัสถึงกระแสพลังงานอันอบอุ่นที่พุ่งขึ้นมา เมื่อรู้สึกถึงพลังออร่าที่เกิดขึ้นกับตัวเอง พวกเขาจะยกแขนขึ้น กางออกด้านข้างโดยให้ฝ่ามือขึ้น ขอให้ดวงอาทิตย์ให้กำลังแก่คุณ มองไปทางดวงอาทิตย์ และยอมรับพลังงานแสงอาทิตย์อย่างซาบซึ้ง

ความเชื่อวันครีษมายัน

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ ความเชื่อวันครีษมายัน วันสำคัญที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนผ่านฤดูกาล รวมไปถึงการเริ่มต้นใหม่ของชีวิต หากใครคิดอยากทำอะไรความปรารถนานั้นจะเป็นจริง เชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าในวันครีษมายันมีความเชื่อต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย หากใครที่อยากรู้ว่าการขอพรตามความเชื่อจะเป็นจริงไหม ลองอธิษฐานขอพรเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่สักข้อดู ไม่แน่ว่าพรข้อนั้นอาจจะสัมฤทธิ์ผลก็เป็นได้

ขอบคุณข้อมูลจาก1 2

Wilasinee

นักเขียนที่ Thaiger เชี่ยวชาญข่าวบันเทิงและบทความไลฟ์สไตล์ จบการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จึงรู้ลึกรู้จริงทั้งเรื่องวิชาการและเทรนด์กระแสโซเชียลที่สำคัญ มีประสบการณ์เขียนบทความออนไลน์กว่า 2 ปี งานอดิเรกชอบติดตามข่าวเศรษฐกิจ การลงทุน ติดต่อได้ที่ wilasinee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button