‘ต๊ะ นารากร’ เล่าวินาทีปิดสถานี ‘ไอทีวี’ ฟาดแรงคนขุดมาเล่นการเมือง
สืบเนื่องจากกรณีที่ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ทำการตรวจสอบ “พิธา ลิ้มเจิรญรัตน์” ผู้สมัคร ส.ส. และแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล เนื่องจากเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) เพราะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้น
งานนี้ทำเอาหนึ่งในอดีตผู้ประกาศข่าวช่องไอทีวี (ITV) อย่าง “ต๊ะ นาราการ ติยายน” ถึงกลับทนไม่ได้ ต้องออกมาโพสต์ข้อความประณามการกระทำดังกล่าว เนื่องจากการขุดประเด็นช่องโทรทัศน์ไอทีวีถูกสั่งปิดมาเล่นเกมการเมืองนั้น เป็นเหมือนการเหยียบย่ำหัวใจของคนที่เคยสังกัดในช่องโทรทํสน์ดังกล่าวมาก่อน
โดย ต๊ะ นารากร ได้โพสต์ข้อความเล่าถึงวินาทีที่รู้ว่าสถานโทรทัศน์ไอทีวีถูกสั่งปิดไว้ผ่านเฟซบุ๊กตนเองเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ความว่า “ใครที่ขุดซากไอทีวีออกมาเล่นการเมืองวันนี้ รู้ไว้ด้วยนะว่าคุณกำลังเหยียบย่ำหัวใจที่เจ็บปวดของพวกเราอีกครั้ง
เย็นวันนั้นที่กระดาษแผ่นหนึ่งไหลออกจากเครื่องรับแฟกซ์ ต๊ะจำได้ว่ากำลังเดินขึ้นบันไดไปห้องแต่งตัว เพื่อเตรียมอ่านข่าว HotNews ตามปกติ พอเห็นกระดาษแฟกซ์ก็เอื้อมมือไปหยิบ คิดว่าจะได้เอาไปให้บก. ที่ห้องข่าว
ใครจะคิดว่าอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ในสมัยนั้น จะเซ็นต์คำสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ และส่งมาทางแฟกซ์ ในคำสั่งนั้นระบุว่า “ ปิดสถานีภายในเวลา 24.00 น.”
พวกเราทุกคนรับรู้คำสั่งนั้นพร้อมกัน ในเวลาที่เร่งรีบกับการเตรียมออกอากาศข่าวค่ำ แน่นอนว่าพวกเราไม่ละทิ้งหน้าที่ ทุกคนตั้งใจทำงานของตัวเองอย่างดีที่สุด อาจจะดีกว่าคืนที่ผ่านมาด้วยซ้ำ เพราะรู้ดีว่าเป็นครั้งสุดท้ายของพวกเรา กับงานที่รัก และทีวีเสรีที่เป็นดั่งชีวิตของคนข่าวไอทีวีทุกคน
ต๊ะเริ่มต้นการอ่านข่าวคืนนั้นด้วยการทักทายผู้ชมตามปกติ อ่านข่าวตามลำดับรันดาวน์ พอถึงเบรคสุดท้ายต๊ะก็เริ่มบอกผู้ชมว่า
“นี่เป็นคืนสุดท้ายของทีไอทีวี (ตอนนั้นไอทีวีถูกเปลี่ยนเป็น TITV) พวกเราทุกคนเก็บของหมดแล้ว พอถึงเวลาเที่ยงคืนพวกเราจะต้องออกจากสถานีแห่งนี้ตามคำสั่ง เราไม่รู้จะได้กลับมาอีกมั้ย ดิฉันขอเป็นตัวแทนเพื่อนๆทุกคนกล่าวคำว่า ลาก่อน”
หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปยังโลกออนไลน์ ก็มีชาวเน็ตหลายคนต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย โดยส่วนใหญ่ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ร่วมกับโทรทํสน์ช่องไอทีวีมาก่อน เช่น “ตอนนั้นยังงงๆเลยค่ะว่าทำไมถึงปิด ในเวลานั้นชอบช่องนี้มาก” , “แค่อ่านซ้ำ ก็เศร้าแล้ว” , “สำหรับในมุมของคนอ่านข่าว ผมเข้าใจความรู้สึก เพราะคืนนั้นผมก็ดูอยู่..”
“จำได้ดีเฝ้าหน้าจอที่ดับสนิทโกรธแค้นแทนเจ้าหน้าที่ทุกคน สถานีแห่งนี้ผลิตนักข่าวคุณภาพที่ทุกวันนี้หลายท่านยังทำงานข่าวอยู่ ผลิตข่าวคุณภาพเที่ยงตรงทันเหตุการณ์ เรียกว่ามีไอทีวีแล้ว ไม่เคยติดตามข่าวช่องอื่นเลยค่ะ” , “ตอนนี้นจำได้ว่า itv เป็นสิ่อที่มาแรงด้วยบุคคลากร และทีมงานไฟแรง และที่สำคัญนโยบายการทำข่าวที่เป็นทีวีเสรี เที่ยงตรง ไม่มีการแทรกแทรง ทำให้เป็นทีวีช่องแรงที่ใช้เสาทีวีอิสระ คิดแล้วใจหายเหมือนฟ้าผ่าใจประชาชนที่เป็น fc ในตอนนั้นถึงขั้นที่ว่า ต่อไปจะพึ่งสื่อช่องไหน จะไปดูอะไร ทั้งที่ฟรีทีวีก็มีปรกติ แต่ไม่คิดดูเลย” เป็นต้น
ทั้งนี้ในส่วนของการยื่นร้องเรียนต่อ กกต. ในประเด็นถือหุ้นสื่อของพิธาจะเป็นอย่างไรนั้น ก็คงต้องติดตามผลการตัดสินของ กกต. อีกทีหนึ่ง หากมีความคืบในกรณีดังกล่าวทางเดอะไทยเกอร์จะนำมารายงานให้ทราบอีกครั้ง