เผยเคล็ดลับ ซักผ้าด้วยมือ ให้ผ้าหอม สะอาดเหมือนใหม่ ฉบับพ่อบ้านใจกล้า พร้อมตอบข้อสงสัย ข้อดี-ข้อเสีย ของการซักผ้าด้วยมือแบบถึงบางอ้อ
ซักผ้าแต่ละครั้งเสียเงินไม่ต่ำกว่า 100 บาท โดยเฉพาะเหล่าชาวหอพัก ครั้นจะซักมือ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ผ้าสะอาด กลิ่นหอมเหมือนซักเครื่องอีก เพราะฉะนั้นอย่ารอช้าตาม Thaiger มาดูเลยกับ วิธีซักผ้าด้วยมือ ที่พ่อบ้าน แม่บ้านควรรู้ ทำอย่างไรให้ผ้าสะอาด กลิ่นหอมติดทน พร้อมเผยเกร็ดน่ารู้ ข้อดี-ข้อเสียของการซักผ้าด้วยมือ
เทคนิคการซักผ้าด้วยมือ สะอาดเหมือนใหม่ หอมติดทน
ข้อดี – ข้อเสีย ของการซักผ้าด้วยมือ
ข้อดี ของการซักผ้าด้วยมือ
1. อ่อนโยนต่อผ้าที่บอบบาง : การซักด้วยมือนั้นอ่อนโยนต่อผ้าที่บอบบาง เช่น ผ้าไหม ลูกไม้ และผ้าแคชเมียร์ ซึ่งอาจได้รับความเสียหายเมื่อซักในเครื่องซักผ้า
2. ควบคุมปัจจัยการซักได้ : เมื่อซักผ้าด้วยมือ คุณสามารถควบคุมกระบวนการซักได้อย่างสมบูรณ์ คุณสามารถเลือกอุณหภูมิของน้ำ ปริมาณผงซักฟอก และระยะเวลาของรอบการซักได้
3. การประหยัดค่าไฟและค่าน้ำ : การซักผ้าด้วยมือช่วยประหยัดค่าไฟและน้ำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและกระเป๋าสตางค์ของคุณ รวมไปถึงใครที่ใช้ตู้ซักผ้าแบบหยอดเหรียญ ก็สามารถช่วยประหยัดเหรียญ 10 เหรียญ 5 ในหระปุ๊กของคุณได้เช่นกัน
ข้อเสีย ของการซักผ้าด้วยมือ
1. ใช้เวลานาน : โดยทั่วไปแล้วการซักผ้าด้วยมือ จะใช้เวลานานกว่าการซักด้วยเครื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีผ้าจำนวนมาก และต้องการแยกผ้าขาวกับผ้าสี
2. ใช้พลังงานร่างกาย : การซักผ้าด้วยมือนั้น เป็นหนึ่งในงานบ้านที่ใช้แรงมากและอาจทำให้คุณเหนื่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องซักเสื้อผ้าที่มีน้ำหนักมาก เช่น กางเกงยีนส์หรือผ้าห่ม
3. ศักยภาพในการสึกหรอ : การซักผ้าด้วยมือ อาจไม่ได้เหมาะกับเสื้อผ้าทุกชนิด เพราะบางตัวอาจผ่านการย้อมสีมา ทำให้เมื่อเวลาเราลงมือขยี้ผ้าทำให้สีซีด หรือบางตัวหาตากโดยบิดผ้าไม่หมาดพอ อาจทำให้ผ้าหดเล็กลงได้ และทรงเสื้อผ้าจะไม่สวย
4. ความครอบคลุม : การซักด้วยมืออาจไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการซักด้วยเครื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของการขจัดคราบและกลิ่นที่ฝังแน่น ดังนั้นการซักผ้าด้วยมือ จึงต้องมีเทคนิค เคล็ดลับเพื่อให้ผ้านั้นสะอาด และมีกลิ่นหอมอยู่เสมอ
เทคนิคการซักผ้าด้วยมือ ให้หอมและสะอาด
หากคุณเลือกที่จะซักเสื้อผ้าด้วยมือ มีเทคนิคที่คุณสามารถใช้เพื่อทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมและสะอาด นี่คือขั้นตอนในการปฏิบัติตาม:
1. ขจัดคราบก่อนซัก : ก่อนซักเสื้อผ้า ให้ขจัดคราบด้วยน้ำยาขจัดคราบหรือส่วนผสมของเบกกิ้งโซดากับน้ำ ค่อย ๆ ถูส่วนผสมลงบนคราบ ปล่อยทิ้งไว้สักครู่ แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
2. เติมน้ำเย็นลงในกะละมัง : เติมน้ำเย็นลงในกะละมังและเติมน้ำยาซักผ้าเล็กน้อย ตีน้ำยาซักผ้าและน้ำจนแตกฟองเข้ากัน
3. แช่ผ้า : นำเสื้อผ้าที่ต้องการซักของคุณ แช่ลงในน้ำจนจมทั้งหมด สำหรับเสื้อผ้าที่สกปรกมาก ให้แช่ไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง สำหรับถุงเท้า ชุดชั้นใน หรือผ้าปูที่นอน แนะนำให้แช้ค้างคืนหากไม่รีบมาก
4. หวดเสื้อผ้าไปรอบ ๆ : ใช้มือค่อย ๆ คว้านเสื้อผ้าไปรอบๆ ในน้ำ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกส่วนของเสื้อผ้าจมอยู่ในน้ำและขยี้ผ้าในจุดอับเช่น รักแร้ คอเสื้อ และบริเวณรอยเปื้นเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและรอยเปื้อน
5. ล้างผ้า : หลังจากซักเสร็จแล้ว ให้เปลี่ยนน้ำหรือเทน้ำยาซักผ้าออก และทำการล้างผ้าด้วยน้ำเย็น หรือน้ำอุณหภูมิปกติจนกว่าน้ำจะใสหือไม่มีฟอง เพื่อความสะอาดควรล้างอย่างน้อย 2-3 ครั้ง และบิดผ้าให้หมาด
6. ตากผ้าให้แห้ง : หลังจากล้างน้ำ บิดน้ำส่วนเกินออกจากเสื้อผ้าให้หมาด อย่าบิดมากเกินไเพราะจะทำให้ผ้าเสียทรง จากนั้นวางบนผ้าขนหนู ต่อด้วยม้วนผ้าขนหนูและเสื้อผ้าเข้าด้วยกันเพื่อขจัดน้ำที่เหลืออยู่และทำให้ผ้าไม่เสียรูป จากนั้นตากผ้าให้แห้ง แนะนำให้ตากในบริเวณที่มีแดดอ่อน เพื่อให้ผ้าคงมีกลิ่นหอม
ทั้งนี้การซักผ้าด้วยมือ อาจเป็นวิธีที่น่าพึงพอใจและคุ้มค่าในการซักผ้า อย่างไรก็ตามก็อาจใช้เวลานานและใช้แรงกายมากกว่า โดยการซักผ้า 1 ครั้งเราสามารถผลานแคลอรี่ไปได้ 240 แคลอรี่เลยทีเดียว และหากทำตามเทคนิคที่ Thaiger นำมาฝากในวีนนี้ คุณก็จะมั่นใจได้ว่าเสื้อผ้าของคุณจะสะอาดและมีกลิ่นหอมสดชื่น ติดทนนานอย่างแน่นอน