สานต่อตำนาน Black Panther: Wakanda Forever หรือ Black Panther ภาค 2 พร้อมการปิดท้ายภาพยนตร์จาก MCU ในเฟส 4 ไปได้อย่างสมเกียรติมาก ๆ แม้การดำเนินเรื่องจะไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร แต่หากเน้นไปที่การแสดงของนักแสดงหลักในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็นับว่าเป็นหนังขึ้นหิ้งอีกหนึ่งเรื่องของค่ายมาร์เวลก็ว่าได้
และด้วยการจากไปของ “Chadwick Boseman” ผู้รับบทเป็นกษัตริย์ T’Challa ในหนังภาคก่อน ก็ยิ่งทำให้ Mood and Tone ของเรื่องสร้างอารมณ์บีบคั้นคนดูได้มากขึ้น แม้จะได้ผู้กำกับคนเดิมอย่าง “Ryan Coogler” มานั่งแท่นคุมหนังอีกครั้ง แต่กลับถ่ายทอดประสบการณ์การรับชมให้ผู้ชมได้ต่างจากภาคแรกอย่างมาก
| เรื่องย่อ Black Panther: Wakanda Forever
สำหรับเรื่องราวจากดินแดนวาคานด้าในภาค 2 นี้ จะเกิดขึ้นหลังจากที่กษัตริย์ T’Challa สวรรคต ปัญหาการรุกรานจากภายนอกเริ่มถาโถมเข้ามาเมื่อหลาย ๆ ฝ่ายรับรู้ถึงการมีอยู่ของประเทศวาคานด้า ทำให้ราชินี Ramonda และเหล่าตัวละครหลักในเรื่องต้องหาทางปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
| Black Panther: Wakanda Forever การปิดท้ายเฟสที่น่าประทับใจ
แม้เส้นเรื่องหลักของ Black Panther: Wakanda Forever จะไม่มีอะไรยุ่งยากและซับซ้อนเกินความเข้าใจของคนดู แต่ภายใต้การดำเนินเรื่องตลอด 2 ชั่วโมง 41 นาที กลับสร้างอิทธิพลต่อความรู้สึกของผู้ชมได้อย่างล้นเหลือ
สำหรับประเด็นที่เห็นได้ชัดเจนจากในเรื่อง คงหนีไม่พ้นการเมืองประเทศวาคานด้า ที่กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่เปราะบางและอ่อนแอที่สุด ภายใต้การนำทัพของราชินี Ramonda ที่ไม่มีแม้แต่เวลาให้เศร้าโศกต่อการจากไปของลูกชาย
เสริมทัพผู้นำประเทศด้วยตัวละครหลักอีกตัว ในบทน้องสาวกษัตริย์ T’Challa อย่าง Shuri ที่ไต่ระดับความโดดเด่นมาได้จากภาคก่อนค่อนข้างมาก ซึ่งทั้งตัวละคร Ramonda และ Shuri ต่างก็แบกรับภาระและหน้าที่อันทรงเกียรติ ภายใต้แรงกดดันมหาศาลที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
การดำเนินเรื่องส่วนใหญ่ของ Black Panther ภาค 2 จะเน้นไปที่การอาลัยต่อนักแสดงผู้เป็นที่รักของแฟนคลับอย่าง Chadwick Boseman ทั้งในพาร์ทที่แสดงให้เห็นถึงการลาจาก และพาร์ทที่โชว์ด้านมูฟออนจากความเศร้าโศก ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพื่อให้ผู้ชมได้ระลึกถึงเขา
ส่วนพาร์ทตลกตามแบบฉบับมาร์เวลก็ทำออกมาได้ดี ไม่ทำให้ผู้ชมรู้สึกอีหลักอีเหลื่อแต่อย่างใด เป็นการสอดแทรกความขบขันที่รู้กาลเทศะ อีกนัยหนึ่งก็เป็นตัวช่วยชูโรงอารมณ์เศร้าของหนังได้ดีเยี่ยม
สำหรับการไว้อาลัยให้ Chadwick Boseman ในหนังเรื่องนี้ นอกจากจะไม่ได้ทำให้เส้นเรื่องหลักสั่นคลอนแล้ว กลับทำให้หนังมีความแตกต่างไปจากสูตรสำเร็จอื่น ๆ ของมาร์เวล และคู่ควรแล้วกับคำว่า “สมเกียรติ” ในการปิดท้ายเฟส 4 ของจักรวาล MCU
| ความเป็นหญิงใน Black Panther: Wakanda Forever
หลายคนอาจวิพากษ์วิจารณ์ Black Panther: Wakanda Forever ว่ามีความเนิบช้าและชวนง่วงในช่วงต้นเรื่อง แต่โดยส่วนตัวผู้รีวิวคิดว่าการดำเนินเรื่องอย่างที่เห็นเป็นการเพิ่มเลเวลของภาวะกดดันในจิตใจของตัวละครได้ดี
ตัวหนังค่อย ๆ เพิ่มพูนปัญหาความขัดแย้งทั้งภายในและภายนอกให้แก่ตัวละครหลักที่เป็นสตรีเพศทั้งหมด ซึ่งทำให้ผู้รีวิวเกิดความสนใจว่า เพราะเหตุจากตัวละครในเรื่องส่วนใหญ่เป็นหญิง จึงทำให้อารมณ์ของหนังดูอ่อนไหว่กว่าปกติหรือไม่
ในฐานะแม่ที่สูญเสียลูกชาย น้องสาวที่สูญเสียพี่ชาย และหญิงสาวที่สูญเสียชายคนรัก โดยผู้หญิงเหล่านี้ไร้โอกาสที่จะได้ใช้เวลาจมปลักอยู่กับความโศกเศร้า จึงยิ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมแห่งคลื่นความเสียใจ ที่แฝงไว้ภายใต้ความกดดันจากภาระหน้าที่ของตัวละครได้มากขึ้น
แต่กระนั้น การมีอยู่ของตัวละครฝ่ายร้ายอย่าง Namor ราชาแห่งเมืองบาดาล Talocan ก็ไม่ได้ทำให้สมดุลทางอารมณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกลดทอนแต่อย่างใด หากมองด้วยกรอบของความเป็นหญิงและความเป็นชาย เพราะความอ่อนไหวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับสตรีเท่านั้น ความเปราะบางและความเซนซิทีฟเป็นอารมณ์สากล และมันไม่เคยเลือกเพศ
| ให้คะแนน Black Panther: Wakanda Forever 8/10
นอกจากบทหนังที่ทำออกมาได้ทรงพลังแล้ว การแสดงที่น่าทึ่งของเหล่านักแสดงนำ รวมถึงผลงานด้าน CG ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างเนียน และเพลงประกอบสุดเท่ ทุกวัตถุดิบที่ก่อให้เกิด Black Panther: Wakanda Forever ขึ้นมานั้น ล้วนแล้วแต่ดีงามสมราคาคุย
แม้การตัดต่อจะสะดุดและขัดตาคนดูไปบ้าง แต่ก็เป็นเพียงข้อด้อยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถมองข้ามได้ โดยรวมภาพยนตร์เรื่องนี้ทำออกมาได้ดี สามารถเก็บเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่เหล่าแฟนคลับมาร์เวลาภาคภูมิใจได้เลย
อย่างไรก็ตาม การรีวิวครั้งนี้ก็เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้รีวิวเท่านั้น ขอให้ผู้ชมทุกท่านได้ไปพิสูจน์ความสนุกของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตัวเองจะดีกว่า.