‘ไวรัส RSV’ ภัยอันตรายในเด็ก ผู้สูงอายุติดอาจถึงขั้นเสียชีวิต
รู้เท่าทัน ไวรัส RSV คืออะไร ภัยร้ายไข้หวัดในเด็ก อันตรายหนัก หากผู้สูงอายุติด เพราะอาจรุนแรงกว่าโควิดหลายเท่า
เข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน โรคไข้หวัดจากเชื้อไวรัส RSV ก็กลับมาทันที ภัยร้ายที่เด็กเล็กและผู้สูงอายุต้องพึงระวัง หลังมีข่าวสะเทือนใจ น้องบะหมี่เกี๊ยว ลูกสาวกัน จอมพลัง ติดเชื้อไวรัส RSV อย่างรุนแรง จนต้องแอดมิทเข้า ICU เป็นการเร่งด่วน ซึ่งจากข้อมูลนั้น ไวรัสตัวร้ายนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ผู้ปกครองจึงควรรู้ให้เท่าทันเพื่อป้องกันลูกน้อยของคุณให้ปลอดภัย
ไวรัส RSV คืออะไร
ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง สามารถเกิดการติดเชื้อได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ส่วนมากแล้วมักเกิดในเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 3 ปี ในประเทศไทยอพบการระบาดบ่อยในช่วงฤดูฝนหรือช่วงปลายฝนต้นหนาว
โรค RSV ติดต่อทางไหน มีอาการอย่างไร
ไวรัส RSV สามารถติดต่อผ่านสารคัดหลั่งต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น น้ำมูก น้ำลาย ละอองจากการไอ จาม โดยเฉพาะการติดต่อจากการสัมผัส หลังรับเชื้อ สามารถแสดงอาการได้เร็วที่สุดหลังติดเชื้อ 2 วัน และช้าสุดที่ประมาณ 8 วัน ซึ่งส่วนใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ 4 – 6 วัน
ในช่วง 2 – 4 วันแรกมักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา คือ มีอาการไข้ ไอ จาม และน้ำมูกไหล
หากโรคเริ่มแพร่กระจายรุนแรง จะส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนล่างเกิดการอักเสบ จนอาจกลายเป็นโรคหลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ ปอดอักเสบหรือโรคปอดบวม ในบางรายมีอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงครืดคราด หรือมีเสมหะในลำคอมาก
อาการที่ต้องพึงระวัง หากติดไวรัส RSV
ถ้าผู้ป่วยเริ่มมีอาการรุนแรง ดังนี้ มีไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส, ไอจนอาเจียน, หายใจเร็วหอบจนชายโครงหรืออกบุ๋ม, หายใจออกลำบากหรือหายใจมีเสียงวี้ด (Wheezing), เซื่องซึม รับประทานอาหารหรือนมได้น้อย และปากซีดเขียว ต้องพึงระวังเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสเสียชีวิตเนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้สูง
ในผู้สูงอายุ ถ้าติดเชื้อ RSV มักมีอาการรุนแรงมากกว่าเด็กเล็กหลายเท่า เนื่องจากผู้สูงอายุมีภูมิคุ้มกันที่เสื่อมถอย และมักมีโรคแทรกซ้อน หากติดเชื้อนี้เข้าไป อาจส่งผลร้ายแรงกว่าการติดเชื้อไวรัสโควิค 19
เพราะในปัจจุบัน โควิด-19 มีวัคซีนที่ช่วยกระตุ้นระบบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เมื่อติดเชื้ออาการของโรคจะไม่รุนแรงมาก แต่สำหรับไวรัส RSV ยังไม่มียาตัวใที่สามารถฆ่าเชื้อหรือลดการป่วยหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ การป้องกันไม่ให้คนสูงอายุติดเชื้อ RSV จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
การรักษาโรค RSV
ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคติดเชื้อไวรัส RSV โดยตรง แต่ใช้วิธีการรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ แก้ไอละลายเสมหะ ถ้ามีเสมหะเหนียว ต้องทำการพ่นยาขยายหลอดลมผ่านทางออกซิเจนละอองฝอย เคาะปอด และดูดเสมหะออก จะช่วยลดความรุนแรงของอาการไอและอาการหายใจหอบเหนื่อยได้
ไข้หวัดจากไวรัส RSV สามารถหายเองได้ ในกรณีที่อาการไม่หนัก ใช้เวลาในการฟื้นไข้ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์หลังเชื้อแสดงอาการ และเชื้อไวรัสนี้มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหากร่างกายอ่อนแอ
การป้องกันการติดเชื้อ RSV
การป้องกันเชื้อ RSV ทำได้โดยการรักษาความสะอาด ควรดูแลความสะอาดในเด็กเล็กให้ดี ล้างมือบ่อย ๆ รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ และให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ อยู่ในที่อากาศถ่ายเท ไม่อยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา เป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง
ปกติแล้วในผู้ใหญ่มักไม่ติดเชื้อ RSV ง่าย ๆ เพราะมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงแล้ว แต่หากผู้ใหญ่ได้มีโอกาสสัมผัสเชื้อนี้เข้า ควรรีบล้างมือและทำความสะอาดร่างกายโดยทันที ไม่เช่นนั้นเชื้อจะติดต่อไปยังเด็กเล็กได้โดยง่าย
ผู้ปกครองที่ลูกมีอาการป่วย ควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติ ไม่ควรให้อยู่ในสถานที่แออัด หมั่นดูแลทำความสะอาดของใช้ส่วนตัวและแยกไว้ต่างหากเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ ควรให้หยุดเรียนจนกว่าอาการจะหายเป็นปกติ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ของเชื้อ
- กัน จอมพลัง ซึ้งใจ หนุ่ม กรรชัย ไม่คิดถึงวันเป็นคนโดนช่วยบ้าง
- หมอมนูญ เตือนผู้สูงอายุติด RSV อาจเสียชีวิตได้
- สยอง! ลุงป่วย โรคแอสเปอร์จิลโลสิส ปอดติดเชื้อ หลังรื้อหนังสือเก่