สะเทือนใจ! หลานคลั่งข่มขืนย่า-ป้า โดนแทงสวน ก่อนช็อกดับขณะถูกมัดตัว
ช็อก หลานคลั่งข่มขืนย่า – ป้า ก่อนถูกแทงสวนและถูกมัดตัวเข้ากับเสา สุดท้ายช็อกตาย พ่อลั่นไม่เสียใจที่ตาย
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. พันตำรวจโท ประสงค์ อินเสมียน สว.สอบสวน สภ.พระประแดง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุ หลานคลั่งข่มขืนย่าและป้า ก่อนถูกแทงสวน ที่หมู่ 3 ถนนเพชรหึงษ์ ซอยเพชรหึงษ์ 12 ตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและประสานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
จุดเกิดเหตุนั้นเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นปลูกติดกัน 2 หลังในเนื้อที่ประมาณ 30 ตารางวา เป็นบ้านหลังเล็กและหลังใหญ่ พบร่างผู้เสียชีวิตของนาย ณัฐวุฒิ ทืมพันธ์ อายุ 33 ปี สภาพศพ มีบาดแผลเขียวช้ำที่เบ้าตา โหนกแก้ม กกหูข้างซ้าย ที่ข้อมือทั้งสองข้างและขาทั้งสองข้างมีร่องรอยการถูกรัดด้วยเชือก คาดเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่าชั่วโมง
จากการสอบปากคำผู้อยู่ในเหตุการณ์ทำให้ทราบว่า ผู้ตาย คุ้มคลั่งจะทำร้ายข่มขืนย่าและป้า ทว่า ผู้เป็นป้าหนีไปได้ ส่วนย่านอนอยู่ในมุ้ง พยายามต่อสู้และขัดขืน ทำให้ผู้ก่อเหตุแทงย่าหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นญาติและชาวบ้านได้เข้ามาช่วยจับตัวผู้ก่อเหตุไว้ มัดมืนมัดเท้า ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะช็อกหมดมติ เสียชีวิต
ขณะที่ ปู่ของผู้ตาย คาดว่าหลานน่าจะเสียชีวิตเพราะฤทธิ์ของยาเสพติด ตอนแรกยังพูดได้ปกติ พอโดนล็อกเริ่มเกิดอาการชักและนิ่งไปเลย กำนันผู้ใหญ่บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมากันเต็มไปหมด
ด้านพ่อผู้ตายเล่าว่า ตนอยู่บ้านอีกหลังนึง ได้มีคนโทรศัพท์ไปบอกว่าลูกตนอาละวาด ตนคิดว่าไม่รุนแรงเพราะมีคนอยู่ในบ้านหลายคน พี่สาวก็ขี่ไปตามบอกว่ามันเอามีดจี้คอแม่ เป็นย่าของลูกชาย ตอนตนมาถึงเห็นลูกชายกำลังขึ้นค่อมย่าตัวเอง และถือมีด ลูกชายมีประวัติการรักษาตัวอาการจิตเวชอยู่ มีอาการจิตเวชประมาณ 10 กว่าปี ก่อนเป็นทหาร
คาดว่าอีกสาเหตุที่ก่อเหตุพยายามข่มขืนย่าและป้า น่าจะเกิดจากยาเสพติด และไม่ได้กินยาจิตเวชต่อเนื่อง เพราะไม่มีใครบอกพ่อว่ายาของลูกชายหมด ก่อนหน้านี้ก็มีอาการคลุ้มคลั่งเป็นประจำ เตะย่าตัวเองจนซี่โครงหัก ครั้งนี้อาการแรงสุด
เดาว่า ลูกชายเสียชีวิตน่าจะเกิดจากอาการชักเกร็ง เพราะตอนที่ลูกชายโดนล็อกตัวมีอาการสั่นและกัดฟัน ส่วนตาที่เขียวตนเป็นคนตบให้หยุดจากการคลุ้มคลั่งให้รู้สึกตัว ลั่นไม่เสียใจที่ลูกคนนี้เสียชีวิต
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำศพของหลานคลั่งข่มขืนย่าไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป และจากนั้นจะมอบศพให้ญาติญาติรับไปดำเนินพิธีกรรมตามศาสนาต่อไป