‘หมอยง’ อธิบาย อนุทินติดโควิด แม้ฉีดวัคซีนไป 6 เข็ม ชี้เพราะโควิดเปลี่ยนสายพันธุ์
หมอยง ตอบทำไม อนุทินติดโควิด แม้ฉีดวัคซีนไปแล้วถึง 6 เข็ม ชี้แนวโน้มเหมือนไข้หวัดใหญ่ มีการเปลี่ยนสายพันธุ์โควิด ไม่ใช่เรื่องแปลก
นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กให้ความรู้ ภายหลังที่ นาย อนุทิน ชาญวีรกูล ติดโควิด แม้ว่าจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดไป 6 เข็มแล้วก็ตาม
หมอยง กล่าวว่า โควิดมีแนวโน้มที่จะเหมือนไข้หวัดใหญ่ ดังนั้นต่อให้ฉีดวัคซีนโควิด 5-6 เข็มแล้ว ยังติดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก โดยข้อความระบุว่า “ไข้หวัดใหญ่มีการระบาดทุกปี สายพันธุ์ก็เปลี่ยนไปทุกปี การฉีดวัคซีนก็ต้องเปลี่ยนตามสายพันธุ์ทุกปี ไข้หวัดใหญ่เป็นแล้วเป็นอีกได้
ไวรัส covid 19 มีแนวโน้มเปลี่ยนสายพันธุ์มาตลอดตั้งแต่สายพันธุ์เดิมอู่ฮั่น มีการเปลี่ยนสายพันธุ์ใหม่เข้ามาแทนที่ จากสายพันธุ์ G เป็นสายพันธุ์ Alpha Delta และมาถึง Omicron จาก BA. 1 แทนที่กันมาตลอด และขณะนี้ BA.5 กำลังจะเข้ามาแทนที่ในที่สุด โดยสายพันธุ์เดิมก็จะหายไป Covid19 เป็นแล้วก็สามารถเป็นอีกได้
การเปลี่ยนแปลงหลบหลีกภูมิต้านทาน เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปทุกปี ทำให้วัคซีนต้องฉีดทุกปี ตามสายพันธุ์ที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ขณะนี้ที่เราฉีดวัคซีนกันถึงแม้หลายครั้ง ก็ยังเป็นสายพันธุ์เดิม จึงไม่แปลกที่ฉีด 5 – 6 เข็มแล้วก็ยังเป็น
พฤติกรรมของ covid19 ก็ไม่แตกต่างจากไข้หวัดใหญ่ วัคซีนจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาตามสายพันธุ์ที่คาดว่าจะมีการระบาด การให้วัคซีนสายพันธุ์เดิม ประสิทธิภาพในการป้องกันหรือลดความรุนแรงของโรคก็จะน้อยลง
ขณะที่เรามีภูมิต้านทานเป็นทุนเดิม การติดเชื้อถึงแม้จะต่างสายพันธุ์ ความรุนแรงของโรคก็ลดลงมาโดยตลอด
ในขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนสายพันธุ์ใหม่มาใช้ในประเทศ ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการได้รับวัคซีน ร่วมกับการติดเชื้อ โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน จะเป็นภูมิต้านทานแบบลูกผสม ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดซ้ำหรือลดความรุนแรงของโรคได้ดีกว่าการได้รับวัคซีนอย่างเดียว
การติดเชื้อจึงเปรียบเสมือนการได้รับวัคซีนในธรรมชาติ แต่จุดอ่อนก็คือ ผู้ที่เปราะบางจะมีความรุนแรงและอาจเสียชีวิตได้
ดังนั้น วัคซีนในรุ่นต่อไปจะต้องเป็นการพัฒนาวัคซีนต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ให้ทันเพื่อให้เกิดภูมิต้านทานแบบลูกผสม เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ที่มีความจำเป็นให้ในกลุ่มเสี่ยงทุกปีตามสายพันธุ์ที่เปลี่ยนแปลง”