ข่าวข่าวอาชญากรรม

หญิงร้องสื่อ ตำรวจซ้อมน้องชาย อ้างเจอ ‘ยาเค’ แต่ความจริงแล้วเป็น ‘การบูร’

หญิงคนหนึ่งร้องสื่อขอความเป็นธรรม หลังจากที่ ตำรวจซ้อมและใส่กุญแจมือน้องชาย อ้างเจอ ‘ยาเค’ แต่ความจริงแล้วเป็น ‘การบูร’

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในสื่อสังคมออนไลน์หลังจากที่หญิงคนหนึ่ง หรือ คุณเมย์ ได้ออกมาโพสต์ร้องขอความเป็นธรรม หลังจากที่น้องชายของเธอวัย 27 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านบริเซนสถานีแบริ่ง ตรวจค้นรถยนต์แล้วบอกมียาเสพติด ถูกจับใส่กุญแจมือ 3 ชั่วโมงอยู่ข้างถนน ก่อนที่ท้ายที่สุดแล้ว เป็นการบูร

โดย คุณเมย์ ได้ระบุว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 7 ม.ค. น้องชายกำลังขับรถยนต์กลับบ้านย่านสมุทรปราการ และได้จอดแวะข้างทาง จู่ๆ ก็มีตำรวจอาสาขี่รถสายตรวจ มาขอตรวจค้นที่รถ แล้วตำรวจอาสาก็ได้วอวิทยุสื่อสารหาตำรวจที่ด่านบริเวณใกล้เคียง

เมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ แจ้งว่าจากการค้นรถเจอยาเสพติดที่ลิ้นชัก จำนวน 4 กรัม ระบุว่าเป็นยาเคตามีน ด้วยความตกใจน้องชายจึงโทรศัพท์มาหาแม่และตนที่บ้านว่าถูกตำรวจยัดยา แล้วหลังจากนั้นน้องก็ถูกตำรวจชกไปที่หน้า 2 ครั้ง อาสาตำรวจทุบหลัง ใส่กุญแจมือ หลังจากนั้นจับตรวจปัสสาวะ ระบุว่าพบสารเสพติดในร่างกาย

เมื่อคุณแม่และคุณเมย์เดินทางมาถึงจุดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้แจ้งว่า ค้นรถลูกชายพบยาเค ส่วนตำรวจอีกนายซึ่งมียศใหญ่กว่า บอกว่าเป็นยาไอซ์ ทั้งนี้ทั้งสองไม่เชื่อ เนื่องจากตัวของผู้ถูกจับกุมไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน

จึงให้ตำรวจตรวจปัสสาวะอีกครั้ง ปรากฎว่าไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด และขอดูยาเสพติดที่ตำรวจอ้างว่าพบในรถของน้องชาย หลังแม่คลี่ดมดูบอกเป็นการบูร ของแม่ที่ใส่ไว้ในรถ แล้วคุณเมย์และแม่ถามว่าจะทำอย่างไร ทำไมตำรวจถึงทำแบบนี้ ตำรวจบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ สุดท้ายก็ปล่อยตัวไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ต่อมาคุณแม่ และคุณเมย์ ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวัน ไว้ที่สภ.สำโรงเหนือ ซึ่งเป็นโรงพักสังกัดของตำรวจที่ตั้งด่านในวันที่เกิดเหตุ แต่ตำรวจไม่ให้ลงบันทึกประจำวัน ขู่ว่าหากแจ้งความตำรวจ จะแจ้งความกลับในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

คุณเมย์ บอกว่า ต้องการขอความเป็นธรรม ไม่อยากให้ตำรวจชุดดังกล่าวไปกระทำแบบนี้กับชาวบ้านคนอื่นอีก และอยากให้ดำเนินคดีกับตำรวจชุดดังกล่าวด้วย

ขณะที่ พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ระบุว่า เบื้องต้นตนได้รับทราบจากข่าวที่นำเสนอ และก็ได้มีการเรียกเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจ้งรายละเอียด และได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้โดยละเอียด หากพบว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องก็จะต้องมีการลงโทษลงทัณฑ์

ส่วนในเรื่องที่ว่าไม่ยอมรับแจ้งความนั้นจากการตรวจสอบเบื้องต้นจากกล้องวงจรปิดในโรงพักและสอบถามร้อยเวรที่เกี่ยวข้องแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นการคลาดเคลื่อนในเรื่องการสื่อสารกับผู้เสียหาย

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button