ข่าวข่าวอาชญากรรม

ตำรวจไซเบอร์ แถลงปมเงินหายจากบัญชี ไม่ใช่แอปฯ ดูดเงิน พร้อมแนะวิธีป้องกัน

ปมเงินหายจากบัญชี ล่าสุด ตำรวจไซเบอร์ ตั้งโต๊ะแถลงความคืบหน้ายืนยัน ไม่ใช่แอปพลิเคชั่นดูดเงินตามที่เป็นข่าว เกิดจากการหลอกล้วงข้อมูล อาทิ SMS กดลิงก์ แนะวิธีป้องกัน

วันนี้ (18 ต.ค.64 ) เวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าว กรณีมีผู้เสียหายถูกหักเงินออกจากบัญชี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งมีผู้เสียหายแล้วกว่า 40,000 ราย

Advertisements

โดย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) กล่าวถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีนี้ ระบุ ไม่ใช่การแฮก ไม่ใช่แอปพลิเคชั่นดูดเงิน แต่กรณีดังกล่าวสันนิษฐานว่าเกิดจากการที่คนร้ายได้ข้อมูลเลขด้านหน้าบัตร และเลข 3 ตัว ด้านหลังบัตร จึงสามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ที่มีมูลค่าเล็กน้อยได้ โดยไม่ต้องนำรหัส OTP มากรอกยืนยันการทำธุรกรรมดังกล่าว

หรืออีกกรณีคือ การหลอกลวงให้กรอกข้อมูลบัตร ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์จากการ ส่งข้อความหรือแนบลิงก์มาใน SMS, E-mail, หรือ มาจากการเข้าเว็บไซต์ที่คนร้ายปลอมขึ้น ต่างๆ ซึ่งขณะนี้ สอท. ได้ประสานความนร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีความร่วมมือกันในเรื่องของพิสูจน์ตัวจตนแก๊ง SMS นี้ให้ได้

ขณะเดียวกันได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ไปประชุมเพื่อหาข้อยุติ หาความร่วมมือกันกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว

นอกจากนี้ พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ได้สั่งการให้ทุกภาคดำเนินการรับแจ้งความทุกคดีไม่ว่าเหตุเกิดที่ใดก็ตาม จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายทราบว่า เมื่อเกิดเหตุขึ้นขอให้ไปแจ้งความไว้ก่อน โดยนำหลักฐานจากธนาคารนั้นมาแจ้งความ จากนั้นตำรวจจะทำหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

นอกจากนี้ พล.ต.ท.กรไชย ยังได้แนะวิธีป้องกันการถูกล้วงข้อมูล ในส่วนของผู้ใช้บัตรเครดิต ควรนำแผ่นสติกเกอร์ทึบแสงปิดรหัสหลังบัตร หรือจดจำรหัสนั้นเอาไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตร เพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน ป้องกันมิจฉาชีพ มิให้แอบถ่ายรูปด้านหน้าและหลังบัตรเพื่อนำไปใช้จ่ายในโลกออนไลน์

Advertisements

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button