พุทธิพงษ์ ขู่ม็อบ ก้าวล่วงสถาบัน ไม่ตอบ แกนนำม็อบรัฐบาลเคยเป็น กปปส.
พุทธิพงษ์ ขู่ เห็นต่างไม่ว่า แต่อย่าก้าวล่วงสถาบัน ไม่ตอบ แกนนำม็อบรัฐบาลเคยเป็น กปปส.
วันนี้ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจะมีการชุมนุมหน้ารัฐสภาของม็อบ 2 กลุ่ม ระหว่างม็อบที่มีอดีตแกนนำ กปปส. กับกลุ่มคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนในเช้าวันเดียวกัน ว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างในทางการเมืองเป็นเรื่องปกติที่มีมาโดยตลอด สิ่งหนึ่งที่จะเรียนคือ การใช้โอกาสในการสื่อสารในส่วนของโซเชียลมีเดีย ตนอยากจะให้ระมัดระวัง เพราะได้ติดตามมาอย่างใกล้ชิด บางข้อมูลเป็นข้อมูลที่บิดเบือนความจริง ทำให้มีคนเข้าใจผิด อาจทำให้รู้สึกโกรธ สับสน และไม่เข้าใจ
การออกมาชุมนุมแสดงสิทธิ์ของตัวเองในพื้นที่ปลอดภัยและได้รับอนุญาตไม่ผิดกฎหมายยังถือว่าสามารถทำได้ แต่สิ่งที่วันนี้ทุกคนต้องช่วยกันคือ เราเห็นแตกต่างทางการเมืองได้ แต่ไม่ควรล่วงเกินหรือละเมิดสิทธิ์ของคนอื่น รวมไปถึงสถาบันหลักของประเทศ ตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่เฉพาะของรัฐบาล ดีอีเอส แต่เป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันปกป้องคุ้มครองสถาบันหลักของประเทศ ประเทศเรามีวันนี้ได้ก็มีที่มาที่ไป มีหลายเรื่องที่เราควรเรียนรู้ ในส่วนเรื่องความเห็นต่างทางหน่วยงานด้านความมั่นคงก็ช่วยดูแลไม่ให้เกิดการปะทะ และอยู่ในกรอบของกฎหมาย
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า “ยืนยันว่าความเห็นต่างเป็นสิ่งปกติในทางระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องระมัดระวัง การละเมิดสิทธิ์คนอื่น และสถาบันหลักของประเทศ ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ว่าใครก็คงจะยอมไม่ได้”
สำหรับความกังวลว่าทั้ง 2 ม็อบจะเผชิญหน้ากันหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นไปได้น้อย เพราะทั้งสองฝั่งก็มีแนวคิดของตัวเอง ทุกคนแสดงความเห็นต่างกันทางกฎหมายและรัฐธรรมนูญ แต่ว่าการปะทะกันไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย ในอดีตที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย การปะทะกันทำให้เกิดความเสียหายและสูญเสีย คิดว่าเราควรแสดงออกแบบคนรุ่นใหม่โดยใช้เหตุและผล ทั้งการใช้ผ่านโซเชียลมีเดียหรือแสดงออกผ่านทางการชุมนุม ตนพยายามติดตามดูว่าถ้าไม่ผิดกฎหมาย ไม่ไปละเมิดหรือก้าวล่วงสถาบันหลักก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าไปละเมิดยืนยันว่าจะดำเนินคดีอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ประเด็นของแกนนำม็อบที่สนับสนุนรัฐบาล ถูกเชื่อมโยงว่าเคยเคลื่อนไหวกับ กปปส. มาก่อน นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้อธิบายยาก เพราะเวลาเราไปอยู่ในที่ที่มีคนเยอะ ๆ เราไม่ได้รู้จักทุกคน บางคนอาจจะเดินอยู่ข้างหลัง ตนเห็นแล้วที่มีการนำภาพออกมาเปิดเผย แต่ยืนยันว่าโอกาสที่รู้จักกันมีน้อยมาก และบางทีก็ไม่รู้จักกัน
ทั้งนี้ ต้องไปตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวพันหรือเชื่อมโยงอะไรกันหรือไม่ ปัจจุบันนักสืบออนไลน์ก็มีติดตามกันเยอะแยะอยู่แล้ว วันนี้ต้องให้ความเป็นธรรม อีกอย่างคือ เมื่อเวลาผ่านไปคนก็เปลี่ยนไปสนับสนุนใครก็ได้ เพราะเป็นสิทธิของทุกคน วันนี้เขาอาจจะอยู่กับเรา แต่พรุ่งนี้อาจจะไปสนับสนุนอีกฝ่าย โดยที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลยก็ได้ ไม่ได้เกี่ยวว่าจะต้องถูกมัดว่าต้องอยู่ฝั่งใคร อยากให้ดูที่พฤติกรรมมากกว่า หากเป็นพฤติกรรมที่ผิดหรือคิดร้ายต่อบ้านเมือง แบบนั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวล ยืนยันว่าส่วนตัวไม่รู้จักจริงๆ ยังนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใครชื่ออะไรด้วยซ้ำ
ในฐานะที่เคยเคลื่อนไหวในนาม กปปส. คำถามคือ วันนี้ กปปส.ยังอยู่หรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า หากถามว่า กปปส.ยังมีอยู่หรือไม่ กปปส.ก็ยังไม่ได้หมดไป เป็นความทรงจำของการต่อสู้ครั้งหนึ่งในอดีตเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว วันนี้เราเป็นเพื่อนกัน อุดมการณ์ยังมีอยู่ หากถามว่าจะมีการรวบรวมหรือจัดตั้งเพื่อต่อต้านหรือชนกับใคร ตนเชื่อว่าไม่มี และวันนี้ยังไม่ได้คุยกับใคร
เมื่อถามว่า หากมีเรื่องที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นในบ้านเมือง กปปส.พร้อมที่จะออกมาอีกหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้อยู่ในความรู้สึกของทุกคน หากมีอะไรที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นก็คงจะมีคนออกมาเสมอ ไม่ว่าจะมาจากฝั่งไหน ตนเป็นคนหนึ่งที่เคยออกมาเคลื่อนไหว อยากจะเตือนไปถึงน้องๆ ว่าการออกมาชุมนุมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียคือ เกิดการสูญเสียเกิดขึ้น หากจะทำอะไรต้องตัดสินใจให้ดีและอยู่ในกรอบกฎหมาย และหลังจากการชุมนุมทุกครั้งจะมีการดำเนินคดี ขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่ว่าจะผิดหรือถูก ต้องใช้เวลานานมากกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย ตนคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ อยากให้น้องๆ ทุกคนที่ออกมาได้ระมัดระวัง นอกจากนี้ ยังเสียเวลาและเสียโอกาส
ที่มา มติชน