พม.ย้ำเงินสงเคราะห์ไม่เกิน 2,000 บาท ไม่ใช่เงินเยียวยาโควิด-19
พม.ย้ำเงินสงเคราะห์ไม่เกิน 2,000 บาท ไม่ใช่เงินเยียวยาโควิด-19
ข่าวทำเนียบรัฐบาล รายงาน นางพัชรี อาระยะกุล รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แถลงข่าวเรื่องการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) เป็นกรณีเร่งด่วน
พม.ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือด้านปัจจัยสี่ทั้งอาหาร ที่พัก เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน อีกทั้งยังใช้มาตรการทางบริหารสำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมของกระทรวง พม. ด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์รายละไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งไม่ใช่เงินเยียวยา โดยเบิกจ่ายตามระเบียบและประกาศของกระทรวง พม. ประกอบด้วย
1) การสงเคราะห์เด็กภายในครอบครัว
2) การสงเคราะห์ผู้ตกทุกข์ได้ยากในประเทศให้กลับภูมิลำเนาเดิม
3) การจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน
4) การสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง
5) เงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์และฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ
6) การช่วยเหลือสตรีหรือครอบครัวที่ประสบปัญหาทางสังคม
7) การคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนการจัดที่พักอาศัย อาหารและเครื่องนุ่งห่มให้ผู้สูงอายุตามความจำเป็นอย่างทั่วถึง
8) การคุ้มครอง การส่งเสริมและการสนับสนุนการช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งได้รับอันตรายจากการถูกทารุณกรรมหรือถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือถูกทอดทิ้ง และการให้คำแนะนำปรึกษาดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องในทางการแก้ไขปัญหาครอบครัว และหนังสือกระทรวงการคลัง
อาทิ 1) การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายโครงการรณรงค์เพื่อป้องกันโรคเอดส์ และการดำเนินงานช่วยเหลือด้านเงินทุนประกอบอาชีพแก่สตรีที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเอดส์
2) การเบิกค่าใช้จ่ายโครงการรณรงค์เพื่อป้องกันโรคเอดส์
3) เงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับตัวชาวเขา
ทั้งนี้ การจ่ายเงินสงเคราะห์ไม่ใช่สำหรับประชาชนทั้งหมดในภาพรวมของประเทศ แต่เฉพาะประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน อาทิ เด็ก เยาวชน คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย คนไร้ที่พึ่ง ชาวเขา และผู้ที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีกระบวนการตรวจสอบและประเมินข้อเท็จจริงจากนักสังคมสงเคราะห์ว่ามีความเดือดร้อนและความต้องการการช่วยเหลือเร่งด่วนอย่างไร อีกทั้งต้องวิเคราะห์เป็นรายกรณีตามขั้นตอนและระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
นางพัชรี กล่าวต่อไปว่า สำหรับการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโรคโควิด-19 ที่ยังตกหล่นไม่ได้รับการช่วยเหลือจากมาตรการต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐ ทางกระทรวง พม. สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร จะดำเนินการร่วมกันสำรวจพื้นที่ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน และทุกกลุ่มเป้าหมายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 พ.ค. 2563 โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดมาเชื่อมโยงกับทุกกระทรวง เพื่อดูแลประชาชนที่เดือดร้อนให้ครอบคลุมได้มากที่สุด และตกหล่นให้น้อยที่สุด ทั้งนี้ หากประชาชนประสบปัญหาทางสังคมและเดือดร้อนจากโรคโควิด-19 หรือพบเห็นผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ขอให้ติดต่อที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ทุกจังหวัด ในภูมิลำเนาที่อยู่อาศัย หรือแจ้งมายัง สายด่วน พม. โทร 1300 บริการฟรี 24 ชม. ของศูนย์ช่วยเหลือสังคม
นางพัชรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะที่ กระทรวง พม. ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง คนไร้บ้าน ผู้ที่ตกงาน และผู้ที่ประสบปัญหาสังคมที่ไม่มีที่พักอาศัยในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล โดยได้จัดเตรียมสถานที่รองรับ 5 แห่ง ที่สะอาด ปลอดภัย และมีอาหารครบ 3 มื้อ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด อีกทั้งได้เตรียมรถบริการของศูนย์ช่วยเหลือสังคมสำหรับประชาชนที่ไม่มีที่พักอาศัย เพื่อพาไปส่งที่จุดคัดกรองเฉพาะกิจ (ดินแดง) ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพฯ โดยจะมีการตรวจสุขภาพในเบื้องต้นก่อนจะให้เข้าพักในสถานที่รองรับ สำหรับในพื้นที่ต่างจังหวัด กระทรวง พม. ยังได้เตรียมหน่วยงานในพื้นที่ทุกจังกวัด เป็นสถานที่รองรับเช่นเดียวกัน อีกทั้งได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทุกจังหวัด ร่วมตั้งครัวกลางเพื่อแจกจ่ายอาหารให้กับประชาชนทั่วไปในที่สาธารณะได้กินครบทุกมื้ออย่างทั่วถึง รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้เร่ร่อน ไร้ที่อยู่อาศัย ทั่วประเทศ