หลังจากที่ให้รอกันมาสักระยะ วันนี้ Apple ก็ปล่อย iPhone SE รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ โดยใช้ชื่อว่า iPhone SE (ไม่มี 2 ตามหลัง) โดยตัวดีไซน์จะเหมือนกับ iPhone 8 ที่ใช้หน้าจอ 4.7 นิ้ว และฝาหลังเป็นกระจก พร้อมทั้งราคามิตรภาพ
iPhone SE รุ่นใหม่ จะมาพร้อมกับหน้าจอ 4.7 นิ้ว ด้านหลังเป็นกระจก พร้อมหน้าจอ Retina HD ที่มาพร้อมระบบปรับแสงแบบ True Tone เพื่อปรับให้แสงบนหน้าจอเข้ากับแสงสว่างรอบข้าง, รองรับ Dolby Vision และ HDR10, มี Haptic Touch สำหรับเข้าใช้เมนูลัดต่าง ๆ
เช่น เปิดดู Live Photos, พรีวิวข้อความ และอื่น ๆ (หรือว่าง่าย ๆ คือตัด 3D Touch ออก) ซึ่งแน่นอนว่าดีไซน์นี้จะยังคงมีปุ่มโฮมและ Touch ID ที่คุ้นเคย (และเหมาะแก่สถานการณ์ COVID-19 ที่ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา) ให้ใช้งานกันด้วย
ส่วนฝั่งชิพ Apple A13 Bionic เป็นชิพที่ Apple ใช้กับตระกูล iPhone 11 ทั้งหมด จึงการันตีได้ถึงความเร็วที่ใช้งานได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผลภาพถ่าย, เกม, AR และอื่น ๆ
ด้านการเชื่อมต่อ iPhone SE ใช้ Wi-Fi 6 และ Gigabit-class LTE มีระบบ Dual SIM ที่มี eSIM ที่สามารถเปลี่ยนซิมได้ง่าย ๆ มีระบบชาร์จไร้สายในตัว และกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 คือสามารถทนน้ำลึก 1 เมตรได้ 30 นาที
ส่วนตัวกล้อง iPhone SE เป็นกล้องตัวเดียว 12 ล้านพิกเซล f/1.8 Wide โดย Apple ระบุว่าใช้การประมวลผลสัญญาณภาพและ Neural Engine ของชิพ A13 Bionic เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามในทุกรูปแบบ ส่วนระบบอัดวิดีโอสามารถอัดได้สูงสุด 4K 60fps พร้อมหรือ 30fps เมื่อเปิดโหมด extended dynamic range ซึ่งระบบอัดวิดีโอมีกันสั่นให้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
สุดท้ายคือราคา Apple มี iPhone SE ให้เลือก 3 สี คือขาว, ดำ และแดง (PRODUCT) RED โดยมีให้เลือกความจุทั้งหมด 3 รุ่นย่อยดังนี้
- 64GB ราคา 14,900 บาท
- 128GB ราคา 16,900 บาท
- 256GB ราคา 20,900 บาท
ชมรายละเอียด iPhone SE แบบเต็มรูปแบบได้ที่นี่ คลิก
https://youtu.be/SQIbeAk-bFA
