ข่าว

หญิงสาวชาวไทยในอังกฤษโดนเหยียดหยามหลังสวมหน้ากากอนามัย

หญิงสาวชาวไทยในอังกฤษโดนเหยียดหยามหลังสวมหน้ากากอนามัย

จากกรณีที่มีหญิงสาวรายหนึ่งที่อยู่ประเทศอังกฤษมานานนับปี จนไม่เคยถูกเหยียดหยาม จนกระทั้งเกิดเหตุการณ์ไวรัสโคโรน่าแพร่ระบาด เธอจึงต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเอง และได้เกิดเหตุการณ์ เหยียดหยามเกิดขึ้นโดยเธอได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ความว่า

รีวิวการถูก bully ที่อังกฤษ เพราะใส่หน้ากากอนามัย

หลายคนเคยถามเราว่าอยู่อังกฤษมานานๆ เคยถูก bully (เหยียด) บ้างไหม เพราะหลายๆ ประเทศมีการเหยียดชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนเอเชีย ส่วนตัวไม่เคยโดนเลย แต่เพื่อนรอบตัวมีโดนบ้างโดยเฉพาะเพื่อนชาวจีน

จนกระทั่งเราสวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้านไปมหาลัย ทำให้เข้าใจพึ่งว่าการโดน bully จริงๆ มันคือแบบนี้ ขอเกริ่นก่อนว่าที่อังกฤษการใส่หน้ากากอนามัยคือคุณป่วย! ป่วยร้ายแรง บางคนเข้าใจว่าป่วยแบบเป็นพาหะนำโรค ซึ่งก็ควรอยู่บ้านไปไม่ใช่ออกมาเดินกับชุมชน เวลาไอจามก็แค่ไอใส่ข้อพับด้านใน ดังนั้นการสวมหน้ากากอนามัยคือสิ่งที่แปลกของประเทศนี้

เราเริ่มสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่วันที่ตรวจพบว่าเชื้อโคโรน่าเข้าฝรั่งเศสเพราะคนจีน ตอนนั้นที่อังกฤษยังตรวจไม่พบแต่เราค่อนข้างมั่นใจว่าในอังกฤษต้องมีอเชื้อเข้ามาแล้ว เพื่อนคนจีนเล่าให้ฟังว่ามีคนจีนเดินทางมาจาก Hubei ช่วงนั้น (เป็นครอบครัวเพื่อนของเพื่อนอีกที) ในช่วงเทศกาลตรุษจีน การ bully ที่เจอคือแค่มองเหยียด เดินหนี ลุกหนี แต่พวกนี้เราเฉยๆ มากเพราะบอกเลยว่ากลัวติดเชื้อไวรัสมากกว่าอาย แต่รู้สึกว่าหลังๆมันรุนแรงขึ้นมาก ตั้งแต่มีการตรวจพบไวรัสที่อังกฤษ เช่นตะโกนใส่หน้า ตะโกนไล่ให้เราเดินออกจากตลาดเพราะหาว่าเป็นตัวเชื้อโรคแล้วจะเข้ามาผลักเราออกไป ไม่ให้ใช้ทางเดินร่วมกับเค้า ล่าสุดคือมีคนตะโกนใส่เราว่า You gonna f**king die!!! พร้อมไอล้อเลียนเราที่ใส่หน้ากากอนามัย รู้สึกเลยว่าหลังๆ มันเริ่มหนักขึ้นจนจะกลายเป็นโดนทำร้ายแล้ว

อีกปัญหาที่ต้องเจอคือหน้ากากและแอลกอฮอล์ขาดตลาด แต่เป็นเพราะคนเอเชียกว้านซื้อหมด ที่พอจะสั่งออนไลน์ก็โก่งราคาไป 10 เท่าจากอาทิตย์ก่อนอีก

ส่วนตัวเชื่อว่าระบบสาธารณสุขที่นี่ยังดีที่ มีมาตรการป้องกันการระบาดได้ แม้ว่าการเข้าพบ GP (หมอทั่วไป) ใช้เวลานัดล่วงหน้าราวๆ 14 วัน เลยอาจจะตรวจพบช้ากว่าประเทศอื่น แต่สิ่งที่ไม่มั่นใจคือเรื่องของทัศนคติของชาวอังกฤษที่มีต่อการแพร่เชื้อโรค ซึ่งส่วนตัวมองว่าจุดนี้จะทำให้เชื้อโรคแพร่ได้ไวกว่าประเทศอื่น แม้ว่ากระทรวงสาธารณสุข และมหาวิทยาลัยจะออกมาให้คำแนะนำด้านการป้องกันตนเอง การกักตัวเองไม่ออกไปในที่ชุมชน (isolated) แล้ว แต่สิ่งที่เราเจอก็คือคนป่วยเต็มเมืองไปหมด

หลังจากนี้เราก็ยังคงจะใส่หน้ากากต่อไปเพราะยังไม่พร้อมจะรับความเสี่ยงด้านสุขภาพบนเกาะอังกฤษ ปล.ใครมีวิธีรับมือกับการโดน bully แบบนี้แนะนำได้นะคะ เพราะคิดว่าคงต้องเจอไปอีกนาน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม:Panrawee Rungskunroch

ภาพจาก:Panrawee Rungskunroch

kamon w.

จบสายภาษาแต่หนีไปทำงานด้านบริการเกือบ 2 ปี ตอนนี้กลับมาขีด ๆ เขียน ๆ อีกครั้ง พร้อมแพสชั่นในงานข่าวที่เต็มเปี่ยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button