ข่าวดารา

ชาคริต เผื่อใจแล้ว คุณแม่ป่วยมานาน หลับให้สบายไม่ต้องห่วง

ชาคริต เผื่อใจแล้ว คุณแม่ป่วยมานาน หลับให้สบายไม่ต้องห่วง

ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับคนในวงการบันเทิงอีกครั้ง หลังจากที่พระเอก พิธีกรหนุ่มชื่อดัง อย่าง ชาคริต แย้มนาม ได้สูญเสีย คุณแม่สมลักษณ์ แย้มนาม ไปอย่างไม่มีวันกลับ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ หลังเข้ารักษาตัวเป็นเวลา 4 ปี จนกระทั่งมีภาวะแทรกซ้อน ต้องเข้าห้อง ICU และต่อมาคุณแม่ก็จากไปอย่างสงบ ในวัย 77 ปี ล่าสุดค่ำของวันที่ 23 ธันวาคม ชาคริตก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ เปิดใจหลังเสร็จสิ้นพิธีรดน้ำศพ ศาลาทองคำ วัดยาง ซ.อ่อนนุช 23

ชาคริตบอกว่า อย่างที่ทุกคนทราบท่านก็ป่วยมาจะครบ 4 ปี ผมเชื่อว่าในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่เจ็บปวด ต้องอยู่กับการรักษาเยียวยามายาว ผมเชื่อว่าท่านสู้เต็มที่แล้ว ทำให้เราอย่างที่สุด เราในฐานะลูกก็ทำดีที่สุดแล้วเหมือนกัน ต่างคนก็ต่างทำดีที่สุดในระยะเวลาที่เรายังมีเหลืออยู่ ได้ดูแลกันมา ก็รู้สึกว่าเราทำได้เต็มที่ ดีใจที่เขาได้เจอหลาน อย่างน้อยในสภาพร่างกายที่เขาไม่ 100% แต่เขาก็ได้กอด ได้ยินเสียงหลาน หลานได้ยินเสียงย่า จนทุกวันนี้แม้แต่หยิบรูปตอนที่ย่ายังสาวๆ หลานก็รู้เลยว่าเป็นใคร เขาก็รู้ของเขาเอง เชื่อว่าเด็กเขาแยกได้ เขาเข้าใจในความรู้สึกต่างๆ ที่ย่าให้กับเขา แม้ว่าจะนอนป่วยอยู่ ก็น่าจะถึงที่สุดแล้ว เราก็ไม่อยากจะทรมานท่านไปกว่านี้ ท่านหมดสังขารแล้วก็หลับไปอย่างสงบ

Advertisements

อาการคือท่านหลับไปเลยอย่างสงบ?

ก็สโตรกมา 4 ปี ด้วยความที่แม่มีโรคประจำตัวคือ ภูมิแพ้ ไซนัส พอเข้าช่วงอากาศเปลี่ยน ระบบทางเดินหายใจมันก็ติดขัด มีเสมหะอะไรต่างๆ ไปลงปอด ออกซิเจนเลยขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่ทัน เหมือนคนวูบสลบไป ประมาณอาทิตย์กว่าที่ท่านไปอยู่ในการดูแลของคุณหมอ ก็ย้ายจากสถานที่ดูแลผู้ป่วยไปอยู่โรงพยาบาลใหญ่ของในเครือ คุณหมอก็ทำกันเต็มที่ ใช้เครื่องช่วยหายใจต่างๆ ก็ถึงบอกว่าถึงที่สุด เกินกว่าที่เขาจะไปเอง เขาก็ไปอย่างสงบ ก็ยังพาภรรยา พาลูกไปคุย จริงๆ เราได้ตั้งพระไว้องค์หนึ่ง เรากำลังจะสร้างพระกัน เราตั้งใจว่าจะเอาพระองค์นี้ที่อยู่ข้างๆ แม่ไปบรรจุให้ ก็ไปกราบลาว่า จะนำพระไปแล้วนะ รอรับบุญใหญ่ อยู่ดีๆ หลานก็กระโดดขึ้นไปกอด แล้วก็จูบลงตรงหัวใจของย่า แล้วก็หยิบพระออกมาเอง กลับมาถึงบ้านได้ประมาณ 20-30 นาที ทางโรงพยาบาลก็โทรมาบอกว่าสิ้นแล้ว เราก็กลับไปแล้วก็ทำทุกอย่างตั้งแต่เมื่อวาน

มีช่วงเวลาที่ได้สื่อถึงกันไหม

มีตลอดครับ ด้วยอายุของคุณแม่แล้ว เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด พูดจริงๆ เกิด แก่ เจ็บ ตายมันเป็นเรื่องปกติ เราก็รู้อยู่แล้วว่ามันต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว เราเอง ทุกคนก็เหมือนกัน การเดินทางในวงเวียนของชีวิต มันก็ได้มีเวลาที่เราได้เข้าใจกับมัน มองทุกอย่างให้เป็นอนัตตา ให้มันเป็นกลาง ทำความเข้าใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องธรรมะ หรือสัจจะธรรมต่างๆ ของชีวิต แต่ในช่วงเวลาที่เขายังมีลมหายใจอยู่ หรือเรายังหายใจอยู่ ก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ทดแทนบุญคุณชาตินี้ ผมว่าบุญคุณพ่อแม่ไม่สามารถที่จะทดแทนให้หมดได้ มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ในฐานะลูกเราก็ทำให้ได้เต็มที่ ไม่ต้องมีอะไรที่มาขอโทษขอโพยกัน ไม่มีอะไรที่ต้องมานั่งเสียดายกันว่าอันนี้เราไม่ได้ทำ อันนั้นเราไม่ได้ทำ อะไรที่เคยทำผิดพลาดมา เป็นเด็กดื้อมาก็ขอขมากรรมกันไป

ท่านได้สั่งเสียอะไรไว้ไหม

Advertisements

ท่านพูดไม่ได้มานานแล้วครับ เราก็ต้องแปลเอาว่าอันนี้ถูกใจไหม ชอบใจไหม แต่ด้วยชีวิตคุณแม่ผมไม่ได้เป็นคนที่ซับซ้อนอะไร สิ่งที่เขาชอบที่เขาต้องการก็มีไม่กี่อย่าง อย่างสีที่เรารู้ว่าเขาชอบสีม่วง เราก็เลือกดอกไม้สีม่วง เขาชอบนกยูง เราก็เอานกยูงมาให้ ท่านเองก็ทรมานมาเยอะแล้วกับการป่วย และท่านเองก็เป็นคนที่เรียบง่าย ก็เลยเลือกที่จะสวดอภิธรรมแค่ 3 วันน่าจะพอแล้ว ไม่อยากจะยื้อดวงจิตท่านไว้นานกว่านี้ และมันก็เป็นความต้องการของท่าน เราคิดว่า 3 วันนี้ก็ทำให้เต็มที่

https://www.instagram.com/p/B6a33xDB0Qa/

ช่วงที่ขอขมากรรมทำตอนไหน

ตั้งแต่ที่แกป่วยมา เราก็ได้คุยกันเรื่อยเปื่อย เหมือนเป็นการคุยกันมากกว่าว่า มามี๊ทำดีแล้ว มามี๊เลี้ยงเรามาดีที่สุดแล้ว และเราก็เป็นคนดีที่สำนึกในคำสอนแม่มาตลอด ก็บอกแม่ไม่ต้องห่วง อะไรที่เคยดื้อมาเราก็ขอโทษ มันก็เป็นบทเรียนและคอยสอนให้โอกาสเรามาตลอด มันเป็นสิ่งที่แม่ลูกคุยกันมากกว่าครับ

น้องโพธิ์ทราบไหม ว่าคุณย่าไม่อยู่แล้ว

เขาบอกคุณย่าหลับครับ ความตั้งใจคือเราบอกคุณย่าไว้ว่าไม่ต้องห่วง เพราะเขาได้เจอกัน และเราจะทำอย่างเต็มที่ให้โพธิ์เขาจำคุณย่าเขาได้ เพราะตอนนี้เขาอยู่ในวัยที่ยังเด็ก แต่หน้าที่ของเราคือต้องการให้เขารู้ว่าเขามีย่าที่ดีมากๆ เป็นมนุษย์ที่มีคุณค่ามากๆ คนหนึ่ง

หลังจากพิธีเสร็จ จะนำอัฐิไว้ที่ไหน

คิดว่าน่าจะเก็บไว้ที่บ้าน เพราะยังมีญาติหลายคนที่ต้องเดินทางอยู่ต่างจังหวัดได้กราบไหว้ เอาไว้สัก 100 วัน และคิดว่าน่าจะเอาไปฝังไว้อยู่ใกล้ๆ ด้วยกันที่สวน เพราะใช้ชีวิตอยู่ที่สวน ให้อยู่กับธรรมชาติ เราได้ทำพิธีเผาเรียบร้อยแล้ว มันก็อยู่ที่เราเลือกจะฝังหรือลอยอังคาร จึงคิดว่าน่าจะให้ไปอยู่ใกล้ๆ กัน ที่บ้านสวนครับ

ความฝันที่เคยบอกไว้ว่า จะรีโนเวทบ้านเพื่อให้คุณแม่มาอยู่ด้วย ยังทำอยู่ไหม

ก็ยังทำอยู่ครับ ยังคิดอยู่เหมือนกันว่าแล้วอาคารนั้นจะทำยังไง มันก็มีประโยชน์สำหรับญาติพี่น้องคนอื่น ที่เวลามาเขาก็มาอยู่ได้ เวลามาช่วยงานหรือมาเยี่ยมหลาน มันก็ยังมีประโยชน์ของมันอยู่ ในอนาคตก็อาจเป็นที่ที่เราอยู่ เพราะคงเดินขึ้นลงบันไดไม่ไหว ยังไงก็ยังทำครับ ไม่ตัดออกจากโครงการ

P. Wanutch

อัพเดททุกความบันเทิง ทั้งไทย ต่างประเทศ K-pop รีวิวหนัง เพลง คอนเสิร์ต พร้อมนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจและหลากหลาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button