AFC เลือกแล้ว! ‘ช้าง อารีน่า’ แทน ‘สมโภช 700 ปี’ ชิงแชมป์เอเชีย U23
AFC หรือ สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ตกลงเลือก ‘ช้าง อารีน่า’ รังเหย้าสุดทันสมัยของ ‘ปราสาทสายฟ้า’ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาแทนที่ สนามสมโภช 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ในการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย มกราคมปีหน้า
เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา ณ การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย และ สมาคมฟุตบอลไทยฯ จัดการประชุมสรุปความคืบหน้าการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ซึ่ง ไทย เป็นเจ้าภาพ
การประชุมในครั้งนี้นำโดย ยู จิน โฮ หัวหน้าฝ่าย เอเชียนคัพ ของ AFC พร้อมด้วยคณะทำงาน และตัวแทนจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย – สนามติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา – สนามธรรมศาสตร์ รังสิต และ สนามช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์
ภาพจาก Wikipedia
ยู จิน โฮ กล่าวว่า “อย่างที่หลายท่านทราบว่า สนามเชียงใหม่ ไม่พร้อมสำหรับการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ทาง เอเอฟซี ก็ได้เดินทางมาตรวจที่ สนามบุรีรัมย์ ที่เป็นอีกตัวเลือก ในการทดแทน และหลังจากที่เราได้ตรวจสอบสนาม ในช่วงที่ผ่านมา ก็คิดว่า สนามบุรีรัมย์ มีความพร้อมในการจัดการแข่งขัน จึงได้ตัดสินใจและยืนยันว่า สนามบุรีรัมย์ จะเป็นสนามที่มาทดแทนของเชียงใหม่”
“สนามบุรีรัมย์ ถือว่ามีความพร้อม อาจจะต้องปรับปรุงบางส่วนเล็กน้อย พื้นสนามก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ที่ไปตรวจมา ทางเราก็มีข้อกำหนดที่จะรวบรวมเป็นเอกสารและส่งมอบให้กับ บุรีรัมย์ ต่อไป”
“ในส่วนของ ราชมังฯ ได้มีการไปตรวจสอบในหลายส่วน และทาง กกท. ก็ได้ดำเนินการและอธิบายแผนงานที่จะปรับปรุงสนาม ทางเราก็รับทราบและติดตามต่อไป พร้อมให้ทาง การกีฬาแห่งประเทศไทย ยืนยันการปรับปรุงสนามให้แล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือนธันวาคม”
ภาพจาก Goal Thailand
“ทางเราก็เชื่อว่า หลังจากที่ได้เดินทางมาตรวจสนามในหลายครั้ง รวมถึงแผนงานต่างๆที่เสนอมาให้เราได้ดู ผมเชื่อว่าทั้งสี่สนามจะมีความพร้อมและส่งมอบ จัดการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ได้สำเร็จ” ยู จิน โฮ เผย
ฝ่ายจัดการแข่งขันและกิจกรรมฟุตบอลของ เอเอฟซี ก็จะจัดพิธีจับสลากแบ่งสายการแข่งขันศึก ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ โรงแรม สวิส โซเทล รัชดา ในวันที่ 26 กันยายน 2562 เวลา 14.30 น. นอกจากนี้ ทาง AFC มีกำหนดการเดินทางมาประเทศไทย เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าการปรับปรุงสนามอีกครั้งในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และจะส่งมอบภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2562 ต่อไป
ที่มา: ช้างศึก