เหตุการณ์เครื่องบินซูคอย ซูเปอร์เจ็ต 100 ของสายการบินสัญชาติรัสเซีย ‘แอโรฟลอต’ (Aeroflot) ไหม้กลางอากาศขณะบินวนกลับมาจอดฉุกเฉินที่สนามบินเชเรเมตีโว (Sheremetyevo International Airport) ในกรุงมอสโกวานนี้ (5 พ.ค.) ล่าสุดมียอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 41 ศพแล้วและอย่างน้อย 2 ศพในนั้นเป็นเด็กเล็ก
จากภาพที่บันทึกได้จากอาคารผู้โดยสารเผยให้เห็นเครื่องบินลำดังกล่าวกำลังไถลด้วยความเร็วโดยมีไฟลุกท่วมบริเวณส่วนท้าย ผู้โดยสารบางส่วนสามารถหนีออกมาทางบันไดฉุกเฉินได้ และพากันวิ่งออกห่างตัวเครื่องบินขณะที่รถดับเพลิงขับเข้ามาในที่เกิดเหตุ
ขอบคุณวีดิโอจากสำนักข่าว RT
คณะกรรมาธิการสืบสวนยืนยันว่า “มีผู้โดยสารและลูกเรืออยู่บนเครื่องทั้งหมด 78 คน จากข้อมูลที่ทีมสืบสวนได้ทราบล่าสุด มีผู้รอดชีวิต 37 คน” ก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรี ดมิตรี มัตเวเยฟ ระบุว่ามีผู้บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 11 คนจากอุบัติเหตุครั้งนี้
เครื่องบินลำนี้กำลังออกเดินทางไปยังเมืองมูร์มันสค์ (Murmansk) ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ โดยแอโรฟลอตซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติยืนยันว่า เครื่องบินลำนี้ได้วกกลับไปลงจอดที่สนามบินเชเรเมตีโว ‘ด้วยเหตุขัดข้องทางเทคนิค’ และเครื่องยนต์เกิดไฟไหม้ระหว่างลงจอด ขณะที่รายงานอื่นๆ ระบุว่าส่วนหางเริ่มเกิดไฟลุกไหม้ตั้งแต่เครื่องลอยอยู่กลางอากาศ
Люди выпрыгивают по надувным трапам из горящего в Шереметьево самолета Sukhoi Superjet 100 pic.twitter.com/rswf7ktTAA
— Лента.ру (@lentaruofficial) May 5, 2019
ขณะที่พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย และชี้ว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปสาเหตุการตกของเครื่องบิน ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งกล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปในเหตุการณ์นี้ ได้ย้ำให้พนักงานสอบสวนทำงานอย่างละเอียดรอบคอบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยนาย ดมิตรี เมดเวเดฟ ได้สั่งตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปของโศกนาฏกรรมดังกล่าวแล้ว
ขอบคุณเนื้อหาจาก เอเอฟพี และ ผู้จัดการออนไลน์
ขอบคุณภาพและวีดิโอจาก สำนักข่าว RT และ @lentaruofficial
