บันทึกโศกนาฏกรรม “ฉลามคลั่ง” สุดสยอง! ลูกเรือ 150 ชีวิตถูกกินทั้งเป็น
“ขากรรไกรแห่งมัจจุราช” เปิดบันทึกโศกนาฏกรรมฉลามคลั่งที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ ลูกเรือ “USS Indianapolis” 150 ชีวิต ถูกกินทั้งเป็น เบื้องหลังแรงบันดาลใจแห่ง Jaws!
ภารกิจลับสู่ห้วงลึกแห่งความตายเริ่มขึ้นเมื่อ เรือลาดตระเวนหนัก “ยูเอสเอส อินเดียแนโพลิส” (USS Indianapolis) ทะยานฝ่าเกลียวคลื่นมหาสมุทรแปซิฟิกด้วยความเร็วสูง ! มันแบกรับภารกิจที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าสงครามโลก ชิ้นส่วนสำคัญของระเบิดปรมาณูทุกลูกบรรจุไว้ในระวางบรรทุก แต่ทว่าชัยชนะที่อยู่เพียงแค่เอื้อม กลับถูกทำลายลงด้วย “ตอร์ปิโดเพียง 1 ลูก” ในยามวิกาล ปลุกเร้าให้เกิดโศกนาฏกรรมฉลามโจมตีมนุษย์ที่สยดสยองที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์
โศกนาฏกรรมนี้ มิใช่เพียงเรื่องเล่าขาน แต่มันคือฝันร้ายที่มีอยู่จริง ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับบทพูดอันลือลั่นของตัวละคร “ควินต์” ในภาพยนตร์อมตะเรื่องจอว์ส “Jaws”

ราตรีวิปโยคและทะเลเพลิง
เข็มนาฬิกาเพิ่งจะพ้นผ่านเที่ยงคืนของวันที่ 30 กรกฎาคม 1945 ได้ไม่นาน ตอร์ปิโดลูกแรกจากเรือดำน้ำญี่ปุ่นพุ่งเข้ากระแทกกาบขวาของเรืออย่างจัง !! แรงระเบิดเปลี่ยนน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานกว่า 3,500 แกลลอน กลายเป็นหอคอยเพลิงเสียดฟ้าในชั่วพริบตา
เพียงไม่กี่วินาทีถัดมา มัจจุราชลูกที่สองฉีกกระชากเรือบริเวณคลังกระสุน เรืออินเดียนาโพลิส ซึ่งยังคงแล่นด้วยความเร็ว 17 นอต สั่นสะท้าน หักสะบั้น และถูกท้องทะเลแปซิฟิกกลืนกินหายวับไปในเวลาเพียง 12 นาที
จากลูกเรือทั้งหมด 1,196 นาย มีเพียงราว 900 นายที่รอดชีวิตจากการระเบิดและตะเกียกตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำ… ทว่า พวกเขาหารู้ไม่ว่า นรกที่แท้จริงเพิ่งจะเปิดประตูต้อนรับ

การมาเยือนของเพชฌฆาตเงียบ
ยามรุ่งสาง ผู้รอดชีวิตเกาะกลุ่มกันท่ามกลางความโกลาหล พยายามยึดเหนี่ยวความหวังอันริบหรี่ น้อยคนนักจะมีแพชูชีพ หลายคนไร้แม้แต่เสื้อชูชีพพยุงกาย แสงอาทิตย์แผดเผาอย่างไร้ความปรานี ความกระหายน้ำเริ่มกัดกินสติสัมปชัญญะ ภาพหลอนเริ่มคืบคลานเข้ามา และแล้ว “พวกมัน” ก็ปรากฏตัว
ฉลามโอเชียนิคไวท์ทิป (Oceanic Whitetips) สัตว์ร้ายแห่งท้องทะเลลึกที่มีกล้ามเนื้อกำยำและไร้ซึ่งความกลัว เริ่มว่ายวนเข้ามาหา กลิ่นคาวเลือดและแรงระเบิดดึงดูดพวกมันมาจากทุกสารทิศ ในเบื้องแรก พวกมันรุมทึ้งกัดกินร่างไร้วิญญาณที่ลอยเกลื่อนกลาด ก่อนจะเบนเป้าหมายมายังลมหายใจที่ยังหลงเหลือ
โลเอล ดีน ค็อกซ์ (Loel Dean Cox) หนึ่งในผู้รอดชีวิต ถ่ายทอดความทรงจำอันน่าสยดสยองแก่ BBC ว่า ในทุกชั่วขณะ ราวกับสายฟ้าฟาด (ฉลาม) จะพุ่งทะยานขึ้นมาจากเบื้องล่าง กระชากร่างกะลาสีแล้วลากจมดิ่งลงไป “ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมางับกะลาสีที่อยู่ข้างๆ ผม สิ่งที่ได้ยินมีเพียงเสียงกรีดร้อง ตะโกนก้อง หรือเสียงเนื้อที่ถูกฉีกขาด”
ดร. เลวิส เฮย์ส (Dr. Lerwis Hayes) หัวหน้าแพทย์ประจำเรือ หวนรำลึกด้วยความขมขื่น
“ผมทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากให้คำแนะนำ ฝังศพเพื่อนร่วมตาย เก็บรักษาเสื้อชูชีพและพยายามห้ามปรามไม่ให้พวกเขาดื่มน้ำทะเล พวกเด็กหนุ่ม เมื่อคุณพรากความหวัง พรากน้ำและอาหารไปจากพวกเขา พวกเขาก็จะดื่มน้ำเค็มและนั่นคือจุดจบที่รวดเร็ว”
ฝูงฉลามวนเวียนไม่จบสิ้น ถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นเลือดและการดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งของมนุษย์ที่อ่อนล้า ผู้รอดชีวิตต้องจำใจผลักร่างศพเพื่อนให้ออกห่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของมัจจุราช พวกเขาจัดตั้งเวรยาม “ระวังฉลาม” คอยตีน้ำไล่เมื่อครีบมรณะว่ายเข้ามาใกล้ ซึ่งบางครั้งมันก็ได้ผล แต่บางครั้งก็ไม่

ถูกทิ้งไว้กลางทาง
เรืออินเดียนาโพลิสได้ส่งสัญญาณเอสโอเอส (SOS) ในวาระสุดท้าย แต่กลับไม่มีใครตอบรับ !
หน่วยข่าวกรองดักฟังคำโอ้อวดของเรือดำน้ำญี่ปุ่นได้ แต่กลับปัดตกไปว่าเป็นเพียงกลลวง ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเรือไม่ได้ไปถึงจุดหมายปลายทาง ชายฉกรรจ์ที่ลอยคออยู่เบื้องล่างไม่รู้เลยว่า ไม่มีทีมกู้ภัยใดๆ ถูกส่งมา
ค็อกซ์ เล่าถึงวินาทีเผชิญหน้าว่า พวกมันตัวใหญ่มาก สาบานได้ว่าบางตัวยาวถึง 15 ฟุต พวกมันอยู่ที่นั่นตลอดเวลา ส่วนใหญ่กัดกินศพ ขอบคุณพระเจ้า ที่มีศพมากมายลอยอยู่ในบริเวณนั้น
ทว่า ความตายที่โหดร้ายกว่าคมเขี้ยวคือธรรมชาติ ความร้อน ความกระหาย และพิษจากเกลือ คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่าฉลาม ชายหนุ่มผู้สิ้นหวังดื่มน้ำทะเลจนเกิดอาการเพ้อคลั่ง บางคนฉุดกระชากเพื่อนร่วมทีมให้จมลงไปพร้อมกัน เสื้อชูชีพที่ซับน้ำจนหนักอึ้งค่อยๆ พาพวกเขาดิ่งลงสู่ความตาย
“คุณแทบจะประคองใบหน้าให้พ้นน้ำไม่ได้แล้ว” ค็อกซ์ กล่าว
ต้องรอจนถึงวันที่สี่ เครื่องบินกองทัพเรือที่บังเอิญบินผ่านมาจึงสังเกตเห็นกลุ่มผู้รอดชีวิต นักบินวิทยุแจ้งข่าว มีคนจำนวนมากในน้ำ !
เครื่องบินทะเลภายใต้การบังคับของ ร.ท. เอเดรียน มาร์กส์ รุดมายังที่เกิดเหตุ เมื่อเขาเห็นฉลามกำลังโจมตีผู้คน เขาตัดสินใจฝ่าฝืนคำสั่ง นำเครื่องลงจอดท่ามกลางคลื่นยักษ์ เพื่อดึงร่างคนที่อ่อนแอที่สุดขึ้นมา ตลอดค่ำคืนนั้น เรือพิฆาตเซซิล เจ. ดอยล์ (Cecil J. Doyle) แล่นฝ่าความมืด ยิงสปอตไลท์ขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นดั่งประภาคารแห่งความหวัง
“ช่วงเวลาหนึ่งในคืนนั้น ผมจำได้ว่ามีแขนที่แข็งแรงดึงผมขึ้นไปบนเรือลำเล็กๆ แค่รู้ว่ารอดแล้ว มันคือความรู้สึกที่ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะพึงมี” ค็อกซ์ระลึกความหลัง

จาก 900 ชีวิตที่ลอยคออยู่ในทะเล มีเพียง 316 คนเท่านั้นที่รอดกลับมา
โศกนาฏกรรมไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น กองทัพเรือสั่งฟ้องศาลทหาร กัปตันชาร์ลส์ บี. แม็คเวย์ ที่ 3 หนึ่งในผู้รอดชีวิต ในข้อหาล้มเหลวในการแล่นเรือแบบซิกแซกเพื่อหลบหลีก อัยการถึงขั้นเรียกผู้บังคับการเรือดำน้ำญี่ปุ่นมาเป็นพยาน ซึ่งสร้างความคับแค้นใจเมื่อฝ่ายญี่ปุ่นให้การว่า “การแล่นซิกแซกแทบจะไม่มีผลใดๆ”
กระนั้น แม็คเวย์ก็ยังถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับตราบาปและจดหมายเกลียดชังจากครอบครัวผู้สูญเสีย จนกระทั่งปี 1968 เขาตัดสินใจจบชีวิตตนเองด้วยปืนพก ในมือยังกำของเล่นรูปทหารเรือเอาไว้แน่น
กว่าที่กองทัพเรือจะประกาศล้างมลทินให้เขา เวลาก็ล่วงเลยไปถึงปี 2001
“ซากเรือยูเอสเอส อินเดียแนโพลิส” ถูกค้นพบในปี 2017 ณ ความลึกกว่า 3 ไมล์ใต้พื้นผิวแปซิฟิก มันยังคงสงบนิ่ง ทำหน้าที่เป็นสุสานนิรันดร์ให้กับทหารหาญหลายร้อยนาย

แซม ค็อกซ์ ผอ.ศูนย์ประวัติศาสตร์และมรดกทางทะเล เขียนไว้อย่างจับใจว่า
“แม้ในความพ่ายแพ้และหายนะที่เลวร้ายที่สุด ยังมีความกล้าหาญและความเสียสละที่เราไม่ควรลืมเลือน (พวกเขา) จะเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กะลาสีเรือรุ่นปัจจุบันและอนาคต ยามต้องเผชิญหน้ากับอันตรายถึงชีวิต”
การจมลงของอินเดียนาโพลิสจารึกอยู่ในความทรงจำ ไม่เพียงในฐานะหนึ่งในหายนะทางนาวีที่ร้ายแรงที่สุดของสหรัฐฯ แต่ยังถูกขนานนามจากผู้เชี่ยวชาญว่าเป็น “การโจมตีของฉลามที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่โลกเคยบันทึกไว้” โดยสถิติตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา มีเหตุการณ์คนโดนฉลามโจมตีแค่ 72 รายต่อปี แต่เหตุประวัติศาสตร์ที่ดังกล่าวได้รับการบันทึกว่า เป็นคืนวันที่มนุษย์โดนฉลามโจมตีรุนแรงมากที่สุดตั้งแต่เคยเกิดมา เมื่อมีคนตกเป็นเหยื่อฉลามทั้งเป็นถึง 150 ชีวิต.
ที่มา : เดอะ ซัน (The Sun)
ขอบคุณคลิป : National Geographic UK









อ่านข่าวต่างประเทศ ประเด็นเด็ด ดราม่าที่น่าสนใจ
- เผยคลิปวินาทีโศกนาฎกรรม เครื่องบินสหรัฐฯชนร้านค้า ยอดตายพุ่งเป็น 7 ศพ
- ชายฮีโร่ ช่วยเด็กหญิง 9 ขวบจากฉลามกิน ถูกเนรเทศพ้นสหรัฐ เหวอทั้งประเทศ
- ไขปริศนา แอร์อินเดียตก คร่า 260 ชีวิต โศกนาฏกรรมพิศวงสุดในรอบหลายปี
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





