รวมเรื่อง “ฟิลเลอร์” ก่อนตัดสินใจฉีดครั้งแรกให้สวย ปลอดภัย คุ้มค่า

ฟิลเลอร์ ตัวช่วยคืนใบหน้าอ่อนเยาว์ เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก
ฟิลเลอร์ คือหนึ่งในหัตถการยอดนิยมที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องลึก ผิวแห้ง หรือขาดความชุ่มชื้น โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มในจุดที่ยุบตัวลง เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม หรือขมับ ทำให้ผิวดูอิ่มฟู เรียบเนียน และใบหน้าดูละมุนขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ
ในบทความนี้ จะพาไปรู้ลึกเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ ตั้งแต่พื้นฐาน จุดยอดนิยมที่คนมักฉีด วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ ไปจนถึงการเตรียมตัวก่อน-หลังทำ เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น และสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจก่อนเข้ารับบริการจริงครับ
รู้จักฟิลเลอร์ คืออะไร ?

ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารเติมเต็มที่ใช้ในวงการแพทย์ความงามเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาร่องลึก เติมเต็มผิวให้เรียบเนียน และปรับรูปหน้าให้ดูละมุนขึ้น
โดยฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ไฮยาลูรอนิกแอซิด Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่สร้างเลียนแบบสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในผิวที่ทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวคงความยืดหยุ่น แต่เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตสารนี้น้อยลง ทำให้ผิวขาดน้ำ เกิดริ้วรอย และร่องลึก
การฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นการเติมสาร HA กลับเข้าสู่ผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เติมเต็มผิวในจุดที่ยุบตัว และทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟู เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้นทันทีหลังทำ โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนานครับ
ฟิลเลอร์ เหมาะกับใคร ? เมื่อไหร่ควรพิจารณาฉีดฟิลเลอร์ ?
หลายคนอาจสงสัยว่า ควรเริ่มฉีด ฟิลเลอร์ เมื่อไหร่ดี ? จริง ๆ แล้วไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ แต่ขึ้นอยู่กับ สภาพผิวและโครงหน้า ของแต่ละคนเป็นหลักครับ หากเริ่มมีสัญญาณเหล่านี้ อาจถึงเวลาที่ควรพิจารณาฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น
สัญญาณที่บอกว่าอาจถึงเวลาฉีดฟิลเลอร์แล้ว
- มีริ้วรอยหรือร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำตา
- ใบหน้าดูโทรม เหนื่อย หรือขาดความสดใส
- โครงหน้าไม่สมส่วน เช่น คางสั้น ขมับยุบ หน้าผากแบน
- ผิวเริ่มหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับโดยไม่ผ่าตัด
- อยากเพิ่มมิติให้ใบหน้า เช่น ปรับคางให้เรียว จมูกให้โด่ง หรือเติมแก้มให้อิ่มขึ้น
ฟิลเลอร์เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่ต้องการให้ใบหน้าดูอ่อนวัยขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ เห็นผลรวดเร็วโดยไม่ต้องพักฟื้น เป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความสวยและความมั่นใจในเวลาเดียวกันครับ
ฟิลเลอร์ ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ? แนะนำ 7 ตำแหน่งยอดฮิต พร้อมจำนวน CC แต่ละจุด
การฉีดฟิลเลอร์ ไม่ได้ใช้สูตรเดียวกันกับทุกคน แพทย์จะต้องประเมินจากรูปหน้า ความลึกของร่องผิว และปริมาณที่เหมาะสมของแต่ละจุด เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ออกมาละมุนและดูเป็นธรรมชาติที่สุด
ต่อไปนี้คือ 7 ตำแหน่งยอดนิยมที่คนไทยนิยมฉีดฟิลเลอร์มากที่สุด พร้อมจำนวน CC โดยประมาณครับ

1. ฟิลเลอร์ใต้ตา 2-4 CC
ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นตำแหน่งยอดนิยมอันดับต้น ๆ เพราะช่วยลดปัญหาใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา และร่องน้ำตาที่ทำให้ใบหน้าดูโทรมได้อย่างเห็นผลทันที หลังฉีดจะเห็นว่าร่องใต้ตาดูตื้นขึ้น ผิวบริเวณนั้นเรียบเนียนและสว่างสดใสขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องลึกจากการนอนน้อย หรืออายุที่มากขึ้น
2. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม 1-3 CC
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นจุดที่ช่วยลดร่องลึกข้างจมูก ซึ่งมักเห็นชัดขึ้นตามอายุและการหย่อนคล้อยของผิว การฉีดฟิลเลอร์ช่วยยกพยุงผิวให้กลับมาตึงกระชับ ร่องแก้มดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นโดยรวม ไม่ดูเหนื่อย เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีร่องแก้มลึกและต้องการฟื้นความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าครับ
3. ฟิลเลอร์ปาก 1-2 CC
ฟิลเลอร์ปาก เป็นตำแหน่งที่ช่วยเติมเต็มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบาง ไม่สมมาตร หรือแห้งขาดความชุ่มชื้น การฉีดฟิลเลอร์ช่วยให้รูปปากชัดขึ้น ดูชุ่มชื้นและละมุนมากกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถออกแบบทรงได้หลายแบบ เช่น ปากสายเกาหลีที่เน้นความบางธรรมชาติ ปากสายฝอที่อวบชัด หรือปากกระจับทรงหวาน ซึ่งจะช่วยให้ภาพรวมของใบหน้าดูอ่อนโยนและมีเสน่ห์มากขึ้นครับ
4. ฟิลเลอร์คาง 1-2 CC
ฟิลเลอร์คาง ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวยาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่มีคางสั้น คางถอย หรือใบหน้าดูกลมไม่มีมิติ การเติมฟิลเลอร์คางจะช่วยเพิ่มความยาวและองศาของคางให้สมดุลกับกรอบหน้า ทำให้รูปหน้าดูเรียวสวยและสมส่วนมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้สัดส่วนใบหน้าดูละมุนขึ้นตามหลัก “Golden Ratio” ของใบหน้าอีกด้วยครับ
5. ฟิลเลอร์ขมับ 2-4 CC
ฟิลเลอร์ขมับ เหมาะสำหรับผู้ที่มีขมับยุบ ซึ่งมักทำให้ใบหน้าดูแข็งหรือดูโทรม การเติมฟิลเลอร์บริเวณขมับจะช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟู มีมิติ และสมดุลมากขึ้น พร้อมเพิ่มความละมุนให้รูปหน้าโดยรวม อีกทั้งยังถือเป็นจุดที่นิยมในการเสริมโหงวเฮ้ง เพราะเชื่อว่าขมับเต็มจะช่วยส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงในชีวิตครับ
6. ฟิลเลอร์หน้าผาก 3-5 CC
ฟิลเลอร์หน้าผาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าผากแบนหรือบุ๋ม ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าดูแข็งและขาดมิติ การเติมฟิลเลอร์จะช่วยให้หน้าผากโค้งนูนได้รูปอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ช่วงหน้าผากถึงคางดูสมดุล รับกันได้พอดี นอกจากนี้ยังช่วยลดรอยย่นบริเวณหน้าผาก และเพิ่มความละมุนให้ใบหน้าดูอ่อนวัยขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรมครับ
7. ฟิลเลอร์แก้มส้ม 1-2 CC
ฟิลเลอร์แก้มส้ม ช่วยแก้ปัญหาแก้มตอบหรือผิวบริเวณใต้ตาและเหนือร่องแก้มที่ดูแบนลงตามวัย หลังฉีดจะทำให้พวงแก้มดูยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ มีความกลมละมุนคล้ายผลส้ม จึงเป็นที่มาของชื่อ “แก้มส้ม” การเติมฟิลเลอร์บริเวณนี้จะช่วยให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ และยังช่วยให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้นไปพร้อมกัน เป็นจุดที่ช่วยให้หน้าดูเด็กขึ้นโดยไม่ต้องฉีดหลายจุดครับ
ฟิลเลอร์ อันตรายไหม ? แยกฟิลเลอร์แท้-ฟิลเลอร์ปลอมอย่างไร ? ควรระวังอะไรบ้างก่อนฉีด ?
อีกคำถามยอดฮิตก่อนฉีดฟิลเลอร์คือ ฟิลเลอร์อันตรายไหม ? คำตอบคือ ไม่อันตรายครับ มีความปลอดภัยสูง หากฉีดโดยแพทย์ประสบการณ์สูง มีความรู้ด้านกายวิภาคใบหน้าเป็นอย่างดี ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่าน อย. และฉีดในคลินิกที่มีมาตรฐาน
ฟิลเลอร์แท้ประเภท Hyaluronic Acid (HA) สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และมีเอนไซม์ Hyaluronidase ฉีดสลายได้ทันทีหากเกิดปัญหา แต่หากเป็น ฟิลเลอร์ปลอม หรือสารประเภทอื่น เช่น ซิลิโคนเหลว จะไม่สามารถฉีดสลายได้ ทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็ง ใบหน้าผิดรูป หรือในกรณีรุนแรงอาจอุดตันเส้นเลือดจนตาบอดได้

วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ก่อนฉีด
- มีกล่องยาและเอกสารกำกับภาษาไทย
- มีเลขทะเบียน อย. ตรงกับหลอดยา
- หมอแกะกล่องใหม่ให้ดูต่อหน้า
- สามารถตรวจสอบเลข Lot กับบริษัทผู้นำเข้าได้
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงคลินิกฉีดฟิลเลอร์ราคาถูกเกินจริง เพราะอาจเป็นสัญญาณของการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งอันตรายมากครับ
ฟิลเลอร์ กี่วันเห็นผล ? หลังฉีดฟิลเลอร์มีผลข้างเคียงอย่างไร ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีประมาณ 70-80% โดยไม่ต้องพักฟื้น และผลลัพธ์จะเข้าที่ชัดเจนภายใน 2-3 สัปดาห์ ครับ
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้คือ บวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติและจะหายไปเองภายใน 4-5 วัน ใบหน้าจะดูเรียบเนียนขึ้น และเห็นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติหลังฟิลเลอร์เข้าที่ครับ
ฟิลเลอร์ อยู่ได้นานแค่ไหน ? เติมใหม่ได้เมื่อไหร่ ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ โดยทั่วไปจะอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ปริมาณที่ฉีด ตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลหลังทำของแต่ละคนครับ
ถ้ารู้สึกว่าฟิลเลอร์เริ่มสลาย สามารถเติมใหม่ได้เลยโดยไม่ต้องรอให้สลายหมด และหากต้องการเปลี่ยนยี่ห้อก็สามารถทำได้ ไม่มีผลเสียครับ การเติมฟิลเลอร์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยคงรูปหน้าให้สวยเป็นธรรมชาติอยู่เสมอครับ

ฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี ? มียี่ห้อไหนนิยมบ้าง ?
ปัจจุบันมีฟิลเลอร์แท้ให้เลือกหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีรุ่นย่อยที่แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของความละเอียด เนื้อสัมผัส และระยะเวลาการคงตัว เพื่อให้เหมาะกับตำแหน่งที่ฉีด เช่น ใต้ตา คาง หรือร่องแก้ม
โดยฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่จะมาจาก 4 ประเทศหลัก ได้แก่ สวีเดน อเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี ซึ่งผ่านการรับรองจาก อย. ไทยแล้วทั้งหมดครับ
1. ฟิลเลอร์ Restylane (สวีเดน)

ฟิลเลอร์ Restylane จากประเทศสวีเดน เป็นฟิลเลอร์ที่นำเข้าโดยบริษัท Galderma ได้รับความนิยมทั่วโลกและผ่านการรับรองจาก อย. ไทย จุดเด่นคือโมเลกุลมีความยืดหยุ่นสูง เข้ากับผิวได้ดี ดูเป็นธรรมชาติหลังฉีด และมีหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละจุด เช่น ใต้ตา คาง หรือร่องแก้มครับ
- Restylane Perlane Lyft ฟิลเลอร์เนื้อแน่น ไม่ฟู มีความคงตัวสูง คงรูปได้ดี อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Vital Light ฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ เนื้อเจลอนุภาคเล็ก มีความละเอียดที่สุดอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Restylane Vital ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย ให้ผลลัพธ์เรียบเนียน เป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Volyme ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ใช้เติมเต็มผิวส่วนที่โหลลึกหรือตอบให้อิ่มฟูขึ้น อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Defyne ฟิลเลอร์เนื้อทน มีความนิ่มปานกลางและยืดหยุ่นสูง ใช้ฉีดแทนกระดูกที่ยุบตัวในผิวชั้นลึก อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Refyne ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีความยืดหยุ่น ใช้เติมริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากการยิ้ม อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Classic ฟิลเลอร์เนื้อแน่น เนื้อเจลอนุภาคใหญ่ ใช้แก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลาง-มาก อยู่ได้นาน 8 เดือน
- Restylane Kysse ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีความคงตัวสูง ออกแบบมาสำหรับเติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะ อยู่ได้นาน 12 เดือน
2. ฟิลเลอร์ Juvederm (อเมริกา)

ฟิลเลอร์ Juvederm จากอเมริกา เป็นฟิลเลอร์ที่นำเข้าโดยบริษัท Allergan จุดเด่นคือเนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น เรียบเนียน และอยู่ได้นาน ด้วยเทคโนโลยี Hylacross ที่ช่วยให้เนื้อฟิลเลอร์กลมกลืนกับผิวได้ดี ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย ว่าปลอดภัย และมีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่น ตามความเหมาะสมของแต่ละจุดบนใบหน้าครับ
- Juvederm Ultra Plus ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความฟูมาก อยู่ได้นาน 8 เดือน
- Juvederm Voluma ฟิลเลอร์เนื้อทน ฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volux ฟิลเลอร์เนื้อทน มีความยืดหยุ่นสูง คงรูปได้ดีที่สุด ปั้นทรงได้สวย อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
- Juvederm Volift ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม โมเลกุลมีความละเอียดมากกว่ารุ่น ultra plus เหมาะกับคนที่ผิวบาง อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volbella ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด โมเลกุลมีความละเอียดมากที่สุด อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volite ฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
3. ฟิลเลอร์ Belotero (สวิตเซอร์แลนด์)

ฟิลเลอร์ Belotero จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นฟิลเลอร์ที่นำเข้าโดยบริษัท Merz Aesthetics ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย ว่าปลอดภัย จุดเด่นคือเนื้อเจลมีความคงตัวสูง ช่วยเติมเต็มผิวและกระดูกที่ยุบตัวลงตามวัยได้ดี ทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดดูเรียบเนียนและเป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์ Belotero มีหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละจุดบนใบหน้าครับ
- Belotero Intense ฟิลเลอร์เนื้อทน มีความยืดหยุ่นสูง ใช้แก้ปัญหาร่องลึกจากการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวหนัง อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Belotero Volume ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- Belotero Revive ฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ มีส่วนประกอบของกรีเซอรอล เพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้น บำรุงผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว และลดริ้วรอยเล็ก ๆ อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
- Belotero Soft ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีโมเลกุลเล็ก อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
4. ฟิลเลอร์ Definisse (อิตาลี)

ฟิลเลอร์ Definisse จากประเทศอิตาลี เป็นฟิลเลอร์ที่มีจุดเด่นเฉพาะตัว ผลิตด้วยเทคโนโลยี XTR™ (EXcellent Three-Dimensional Reticulation) ที่ทำให้โมเลกุลของกรดไฮยาลูโรนิก (HA) สานกันเป็นโครงสร้างร่างแห ช่วยพยุงผิวได้ดี เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัวสูง เหมาะกับการยกกระชับและปรับรูปหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติ พร้อมให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานครับ
- Definisse Restore ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความแข็งปานกลาง ใช้เติมริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยหย่อนคล้อยตามวัย อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Definisse Core ฟิลเลอร์เนื้อแน่น เหมาะกับการเสริมกระดูก ปรับรูปหน้า อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Definisse Touch ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เนียนละเอียด แต่ขึ้นรูปได้ดี อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
5. ฟิลเลอร์ Teoxane (สวิตเซอร์แลนด์)

ฟิลเลอร์ Teoxane จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในแบรนด์ฟิลเลอร์ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย. ไทย นำเข้าโดยบริษัท คอสม่า เมดิคอล จำกัด จุดเด่นของฟิลเลอร์ Teoxane คือใช้เทคโนโลยี Preserved Network Technology (PNT) ช่วยให้กรดไฮยาลูโรนิกมีโครงสร้างยืดหยุ่นสูง เคลื่อนไหวไปกับผิวหน้าได้ดีโดยไม่เป็นก้อน ผลลัพธ์หลังฉีดจึงดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนกับผิวครับ
- Teoxane RHA 1 ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับคนที่ผิวบาง ช่วยปรับสภาพผิวหน้า เติมความชุ่มชื้นใต้ตาและริมฝีปาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Teoxane RHA 2 ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ยืดหยุ่น ทนต่อแรงขยับได้ดี เหมาะสำหรับเติมเต็มแก้ไขปัญหาริ้วรอยบนผิว อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Teoxane RHA 3 ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม แต่ค่อนข้างแน่น ทนต่อแรงขยับได้ดี เรียบเนียน ไม่เป็นก้อนอยู่ได้นาน 18 เดือน
- Teoxane RHA 4 ฟิลเลอร์เนื้อแน่น ยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงง่าย ใช้เติมเต็มร่องลึก ปรับโครงสร้างใบหน้า ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 15-18 เดือน
- Teoxane Ultra Deep ฟิลเลอร์เนื้อแน่น ปั้นทรงง่าย มีความคงตัวสูง เคลื่อนที่ยาก ใช้ปรับโครงสร้างใบหน้าได้ดี อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Teoxane Redensity 2 ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เนียน ไม่เป็นก้อน เหมาะเติมร่องใต้ตา ลดความหมองคล้ำ ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 12 เดือน
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ฟิลเลอร์ที่เป็นที่รู้จัก เช่น Jalor, Neuramis, Flore, Biohyalux, E.p.t.q, Yvoire, Ultra V และ Revolax ซึ่งผ่านการรับรองจาก อย. เช่นกันครับ
ถ้าให้ตอบว่า ฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี ? คำตอบคือ ไม่มีฟิลเลอร์ยี่ห้อใดที่เหมาะกับทุกจุดบนใบหน้าครับ เพราะเนื้อฟิลเลอร์แต่ละรุ่นถูกออกแบบมาให้เหมาะกับตำแหน่งที่แตกต่างกัน เช่น ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มสำหรับใต้ตา หรือฟิลเลอร์เนื้อแน่นสำหรับคางและจมูก
ดังนั้น การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมินจากปัญหาของแต่ละคน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวย ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติที่สุดครับ
ฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่ ? ทำไมแต่ละจุดราคาไม่เท่ากัน ?
ราคาของฟิลเลอร์ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งยี่ห้อ รุ่น ปริมาณที่ใช้ (CC) และเทคนิคการฉีดของแพทย์ โดยแต่ละจุดบนใบหน้าจะใช้ปริมาณและชนิดฟิลเลอร์ที่ต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมกับความลึกของผิวและผลลัพธ์ที่ต้องการครับ
ราคาโดยเฉลี่ยของฟิลเลอร์แต่ละจุด
- ฟิลเลอร์ใต้ตา เริ่มต้น 9,900 บาท / 1 CC
- ฟิลเลอร์คาง เริ่มต้น 7,500 บาท / 1 CC
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เริ่มต้น 7,490 บาท / 1 CC
- ฟิลเลอร์ปาก เริ่มต้น 12,900 บาท / 1 CC
- ฟิลเลอร์ขมับ เริ่มต้น 7,490 บาท / 1 CC
- ฟิลเลอร์หน้าผาก เริ่มต้น 11,000 บาท / 1 CC
- ฟิลเลอร์แก้มส้ม เริ่มต้น 7,500 บาท / 1 CC
ทำไมราคาฟิลเลอร์ถึงต่างกัน ?
- ความยากของตำแหน่งฉีด เช่น ใต้ตาและจมูก ต้องใช้เทคนิคละเอียดและปลอดภัยสูง
- ยี่ห้อฟิลเลอร์ เช่น Juvederm, Restylane, Belotero, Teoxane แต่ละแบรนด์มีคุณสมบัติและอายุการใช้งานต่างกัน
- ความคงตัวของฟิลเลอร์ เช่น บางรุ่นอยู่ได้นาน 18-24 เดือน
- ประสบการณ์ของแพทย์ผู้ฉีด ยิ่งมีความชำนาญมาก ผลลัพธ์ก็ยิ่งเป็นธรรมชาติและปลอดภัย
แม้ราคาของฟิลเลอร์แต่ละจุดจะแตกต่างกัน แต่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญที่สุดคือ ความปลอดภัย ความคุ้มค่า และผลลัพธ์ที่สวยอยู่ได้นานครับ
วิธีเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดอาการบวมช้ำ
เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์ ปลอดภัยและลดอาการบวมช้ำหลังทำ ควรเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างถูกวิธี ดังนี้ครับ
1 สัปดาห์ก่อนฉีด
- งดยาแอสไพรินและยากลุ่ม NSAIDs เช่น ibuprofen, diclofenac, ponstan
- งดอาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส โสม แปะก๊วย กระเทียม และ St. John’s Wort
- งดคอร์สเลเซอร์ ผลัดเซลล์ผิว กรอหน้า หรือกดสิว อย่างน้อย 3 วันก่อนฉีด
- หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาประจำ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง
24 ชั่วโมงก่อนฉีด
- งดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- งดออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น วิ่งหรือคาร์ดิโอ
เมื่อมาถึงคลินิก
- สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
- แจ้งแพทย์หากมีอาการแพ้ยา หรือใช้ยาลดการแข็งตัวของเลือด
- แพทย์อาจให้ทายาชาหรือทานยาลดบวมก่อนทำประมาณ 30 นาที เพื่อความสบายระหว่างฉีด
การเตรียมตัวอย่างถูกวิธีจะช่วยลดอาการบวม แดง หรือช้ำหลังฉีดได้มาก ทำให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ออกมาสวยและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้นครับ
วิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ ให้เข้าที่ไวและอยู่ได้นาน
เพื่อให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ สวย เข้าที่ไว และอยู่ได้นาน ควรดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ดังนี้ครับ

สิ่งที่ควรทำหลังฉีดฟิลเลอร์
- ดื่มน้ำให้มาก ๆ ช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูและคงตัวได้ดีขึ้น
- สามารถแต่งหน้าและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ฟิลเลอร์จะค่อย ๆ เข้าที่และเห็นผลชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์
- ฟิลเลอร์สลายได้เองตามธรรมชาติ และสามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหลังฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส นวด หรือกดแรงบริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหลังฉีด 24 ชั่วโมงแรก
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- งดออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่มีแรงกระแทก อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ทำเลเซอร์ ซาวน่า หรือ RF ภายใน 1 เดือนหลังฉีด
การดูแลตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ไว บวมช้ำน้อย และอยู่ได้นานขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติครับ
เลือกฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี ? รู้เช็กลิสต์คลินิกที่ควรมองหา
การเลือกคลินิกที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะต่อให้ใช้ฟิลเลอร์แท้ แต่หากฉีดโดยผู้ไม่มีความชำนาญก็อาจเกิดปัญหาได้
เช็กลิสต์คลินิกฟิลเลอร์ที่ควรเลือก
- คลินิกต้องได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข
- มีแพทย์มีประสบการณ์สูงในการฉีดฟิลเลอร์โดยตรง
- ใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น มีเอกสารรับรองและราคาสมเหตุสมผล
- มีรีวิวจากลูกค้าจริง จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ไม่แต่งภาพหรือรีวิวเกินจริง
- คลินิกมีการติดตามผลหลังฉีดทุกเคส เพื่อความปลอดภัยและความพึงพอใจของคนไข้
- สถานที่สะอาด เดินทางสะดวก มีที่จอดรถ และสามารถนัดหมายล่วงหน้าได้ง่าย
สรุปฟิลเลอร์ คู่มือฉบับย่อสำหรับมือใหม่ก่อนฉีด
ฟิลเลอร์ ถือเป็นทางลัดสู่ผิวสวยอ่อนเยาว์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก หรือฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติครับ
แต่ก่อนฉีดฟิลเลอร์สิ่งสำคัญที่สุดคือ ควรเลือกคลินิกที่ใช้ฟิลเลอร์แท้ ผ่านการรับรองจาก อย. และมีแพทย์มากประสบการณ์ดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะนอกจากจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยเป็นธรรมชาติแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยง และทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน มีความคุ้มค่าครับ
ติดตาม The Thaiger บน Google News:







