อินโด ผุดไอเดีย ทำหมันชายแลกเงิน หวังคุมประชากร แก้ปัญหายากจน ทำโซเชียลเสียงแตก

โซเชียลเสียงแตก หลังนักการเมืองท้องถิ่นของอินโดนีเซีย เสนอแนวคิดทำหมันชาย เพื่อควบคุมจำนวนประชากร และแก้ปัญหาความยากจนจากการมีลูกมาก องค์กรต่าง ๆ รุมต้าน ชี้ละเมิดสิทธิมนุษยชน
เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีนักการเมืองท้องถิ่นระดับสูงในจังหวัดชวาตะวันตก ได้เสนอแนวคิดเพื่อแก้ปัญหาความยากจน ด้วยการยื่นข้อเสนอให้เงินช่วยเหลือทางสังคมแก่ครอบครัวยากจน โดยมีเงื่อนไขว่าฝ่ายชายจะต้องยอมทำหมันเสียก่อน แนวคิดดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อควบคุมจำนวนประชากรในกลุ่มคนจน แต่กลับถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากหลายภาคส่วน ซึ่งมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิในร่างกายและอาจเป็นนโยบายที่อันตราย
โครงการนำร่องนี้เริ่มต้นขึ้นที่เขตสุบัง จังหวัดชวาตะวันตก โดยเสนอเป็นเงินสดให้จำนวน 500,000 รูเปียห์ (ราว 1,200 บาท) แก่ผู้ชายที่ยอมทำหมัน โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องอายุ 35 ปีขึ้นไป, สุขภาพแข็งแรง, มีบุตรแล้วอย่างน้อย 2 คน และต้องได้รับความยินยอมจากภรรยาก่อน ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาด มีผู้ชายเข้าร่วมกว่า 200 คน แต่ด้วยงบประมาณทำให้สามารถรองรับได้เพียง 60 คนเท่านั้น และจะมีการรองรับเพิ่มเติมอีกในปีนี้

แนวคิดเรื่องการทำหมันชายนี้มาจาก นายเดดี มุลยาดี นักการเมืองชื่อดังจากจังหวัดชวาตะวันตก ซึ่งให้เหตุผลว่าการทำหมันชายจะช่วยลดอัตราความยากจนได้ เพราะโดยทั่วไปแล้วครอบครัวที่ยากจนมักจะมีลูกหลายคน อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้ถูกคัดค้านจากหลายฝ่ายในทันที
อัตนิเก โน วา ซิกิโร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติอินโดนีเซีย ระบุว่า การกระทำใด ๆ ทางการแพทย์ต่อร่างกาย ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคลและเป็นสิทธิมนุษยชน ไม่ควรถูกนำไปเชื่อมโยงกับเงินช่วยเหลือทางสังคม ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการสังคม กล่าวว่าแนวคิดนี้ไม่เกี่ยวข้อง กับการแก้ปัญหาความยากจน และนำไปปฏิบัติได้ยาก
สภาอุลามาอ์แห่งชวาตะวันตก (องค์กรผู้นำศาสนาอิสลาม) ชี้ว่า การทำหมันชายสามารถใช้เป็นสิ่งจูงใจได้ แต่ไม่ใช่ เงื่อนไขบังคับเพื่อแลกกับความช่วยเหลือ และด้านสมาชิกรัฐสภา ที่ดูแลด้านสิทธิมนุษยชน ย้ำว่าเงินช่วยเหลือทางสังคมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญของพลเมือง และไม่สามารถนำไปผูกกับขั้นตอนทางการแพทย์ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวได้
บนโซเชียลมีเดียของอินโดนีเซีย มีการแสดงความคิดเห็นของผู้คนแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่สนับสนุนมองว่าอาจเป็นวิธีที่ทำให้ผู้ชายพยายามยกระดับมาตรฐานชีวิตของตนเอง และภาระการวางแผนครอบครัวจะได้ไม่ตกอยู่กับผู้หญิงฝ่ายเดียว
ขณะที่ฝ่ายคัดค้านได้เปรียบเทียบนโยบายนี้ว่าไม่ต่างจาก สุพันธุศาสตร์ (Eugenics) ซึ่งเป็นแนวคิดการควบคุมประชากรโดยเลือกเฉพาะลักษณะที่พึงประสงค์ และมักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเลือกปฏิบัติต่อคนจนหรือกลุ่มชาติพันธุ์
แม้จะมีเสียงคัดค้านมากมาย แต่สำหรับชายวัย 46 ปี ประกอบอาชีพเป็นช่างไฟฟ้า ซึ่งเป็นพ่อลูก 6 และเป็นหนึ่งในชาย 60 คนแรกที่เข้ารับการทำหมัน เขาให้สัมภาษณ์ว่าเงินช่วยเหลือที่ได้รับนั้นมีประโยชน์อย่างมาก และความช่วยเหลือทางสังคมใด ๆ ที่เชื่อมโยงกับการทำหมันของเขา ถือเป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
ที่มา: The Straits Times
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อินโดนีเซีย ยึดเรือบรรทุกยาเสพติดเกือบ 2 ตัน มูลค่า1.5 หมื่นล้านบาท จับชาวไทย-เมียนมา 5 ราย
- นักวิทย์ออสเตรเลีย สุดดีใจจับภาพ ‘เซ็กซ์หมู่’ วาฬ ช่วยฟื้นฟูประชากร
- ผู้แทนรัฐมิชิแกนใจเด็ด ทำหมันตัวเอง ไม่อยากท้องในรัฐบาลทรัมป์
ติดตาม The Thaiger บน Google News: