ข่าว

23 มีนาคม วันอุตุนิยมวิทยาโลก เปิดที่มา 76 ปี จุดเริ่มพยากรณ์อากาศจาก “กรมทดน้ำ”

พยากรณ์อากาศกรมอุตุนิยมวิทยา ก่อนพาไปสำรวจสภาพอากาศวันนี้ 23 มีนาคม 2568 พาดูประวัติ “วันอุตุนิยมวิทยาโลก” ตรงกับ 23 มี.ค.ของทุกปี ตามมประกาศขององค์กรอุตุนิยมวิทยาโลก World Meteorological Organization (WMO) สมาชิก 189 ประเทศ ระลึกถึงวันนานาชาติร่วมลงนามอนุสัญญาก่อตั้งองค์การพยากรณ์อากาศโลกขึ้นในพ.ศ. 2493 หรือราว 75 ปีที่ผ่านมา

23 มีนาคม วันอุตุนิยมวิทยาโลก เนื่องจากองค์กรอุตุนิยมวิทยาโลกได้กำหนดให้วันที่ 23 มีนาคม ของทุกปีคือวันอุตุนิยมวิทยาโลกโดยในปี พ.ศ. 2568 นี้ กรมอุตุนิยมวิทยากำหนดจะจัดกิจกรรมวันอุตุนิยมวิทยาโลก ในวันพฤหัสบดี ที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมาในหัวข้อ “จับมือร่วมใจ ปิดช่องว่างการเตือนภัยล่วงหน้า (Closing the Early Warning Gap Together)

ภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ บรรยายพิเศษ เสวนาวิชาการ Talk Contest ประกวด Folk Song เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ วันอุตุนิยมวิทยาโลกตรงกับวันที่ 23 มีนาคมของทุกปี เป็นวันที่องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกและประเทศสมาชิก 189 ประเทศ ระลึกถึงวันที่นานาชาติได้ร่วมลงนามในอนุสัญญาและก่อตั้งองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกขึ้น เมื่อ 23 มีนาคม พ.ศ. 2493 ก่อนเข้าเป็นองค์การพิเศษขององค์การสหประชาชาติในปีต่อมา

สำหรับ กรมอุตุนิยมวิทยาประเทศไทย เข้าเป็นสมาชิกขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2492

จับมือร่วมใจปิดช่องว่างการเตือนภัยล่วงหน้า

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ยืนยันว่า ปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์

การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมกำลังก่อให้เกิดเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วมากขึ้น พายุหมุนเขตร้อนที่ทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็ว ฝนตกหนัก คลื่นพายุซัดฝั่ง น้ำท่วม ภัยแล้งขั้นรุนแรง และไฟป่า มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ระดับน้ำทะเลที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นก็ส่งผลให้พื้นที่ชายฝั่งที่มีประชากรหนาแน่นเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม และเสี่ยงต่อการปะทะที่รุนแรงขึ้นจากคลื่นทะเล ยิ่งไปกว่านั้น ผลกระทบทางสังคมที่เกิดตามมาจากเหตุการณ์เหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปอีกนานแม้เวลาจะผ่านไปจนข่าวได้เงียบหายไปจากสื่อแล้วก็ตาม

การเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับทุกคน: พันธกิจของ WMO ในการปกป้องทุกคนภายในปี 2027

โครงการ “การเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับทุกคน” หรือ Early Warning for All นั้นได้ถูกประกาศขึ้นโดยทางสหประชาชาติหรือ UN ในเดือนมีนาคม 2022 โดยมีเป้าหมายในการทำให้สำเร็จภายในปี 2027 โดยปัจจุบันถือว่าอยู่ในช่วงครึ่งทางของโครงการนี้ ซึ่งได้มีความคืบหน้าอย่างมากในการช่วยชีวิตผู้คน ปกป้องวิถีชีวิต และเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนให้สามารถฟื้นตัวและปรับตัวได้ และด้วยสาเหตุที่ความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงขึ้น ความเร่งด่วนของโครงการนี้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

เทศบาลเมืองหัวหิน วันอุตุโลก
ภาพ @เทศบาลเมืองหัวหิน

เมื่อโครงการเข้าสู่ระยะต่อไป เราจำเป็นต้องขยายขอบเขตความร่วมมือเพื่อเร่งความคืบหน้าให้เร็วขึ้น มีการทำงานร่วมกันของผู้บริจาคในระดับทวิภาคีและพหุภาคี กองทุนด้านสภาพภูมิอากาศ และธนาคารเพื่อการพัฒนา เพื่อเพิ่มการสนับสนุนต่อความพยายามในการเตือนภัยล่วงหน้า ขณะเดียวกันพันธมิตรระดับภูมิภาคและศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางกำลังถูกดึงเข้ามาเพื่อให้เกิดผลกระทบที่ชัดเจนขึ้นและเพื่อสร้างศักยภาพที่ยั่งยืน

ความเป็นเจ้าของในระดับชาติยังคงเป็นหัวใจสำคัญของโครงการนี้ โดยมีรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรมอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาแห่งชาติ (NMHSs) ที่จะเป็นผู้นำในการเสริมสร้างความเข้มแข็งเพื่อให้พัฒนาสามารถในการฟื้นตัวและปรับตัวของประเทศ รวมทั้งการวางแผนจัดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่ยั่งยืน

แผนที่แสดงอุณห๓ุมฺสภาพอากาศวันนี้
ภาพ @tmd.go.th

ตัวเลขที่บอกเล่าเรื่องราว

ในปัจจุบัน ที่เราอยู่ตรง ณ จุดกึ่งกลางของโครงการ “การเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับทุกคน” และเราได้เห็นความก้าวหน้าอย่างชัดเจนในด้านการช่วยชีวิตผู้คน ปกป้องวิถีชีวิต และเสริมสร้างความสามารถในการฟื้นตัวและปรับตัวได้ ให้กับประเทศและชุมชนต่าง ๆ

สถานะระดับโลกของระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับภัยพิบัติหลายประเภท ปี 2024
จากรายงานสถานะทั่วโลกของระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับภัยพิบัติหลายประเภทปี 2024 ระบุว่า โลกมีระดับความครอบคลุมของระบบเตือนภัยล่วงหน้าสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการเริ่มต้นรายงานในปี 2015 เป็นต้นมา โดยในรายงานแสดงให้เห็นว่าประเทศที่มีระบบเตือนภัยล่วงหน้าหลายภัยพิบัติ (MHEWS) ที่ครอบคลุมน้อยกว่า มีอัตราการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติสูงกว่าในประเทศที่มีความครอบคลุมในระดับ “มาก” ถึง “ครอบคลุมทั่วถึง” เกือบหกเท่า และมีจำนวนผู้ประสบภัยพิบัติมากกว่าเกือบสี่เท่า

รัฐบาลต้องเป็นผู้นำทาง

ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนมีศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อโครงการ “การเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับทุกคน” ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างทั่วถึง แม้ว่าหน่วยงานรัฐบาลโดยเฉพาะ กรมอุตุนิยมวิทยา-จะต้องยังคงเป็นแหล่งข้อมูลเตือนภัยหลักที่เชื่อถือได้ แต่ความร่วมมือกับภาคเอกชนสามารถช่วยผลักดันการสร้างนวัตกรรม พัฒนาระบบเผยแพร่ข้อมูลเตือนภัย และเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงในภัยพิบัติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องมือในการพยากรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไปจนถึง ระบบสื่อสารที่ก้าวหน้า ภาคธุรกิจสามารถนำเสนอองค์ความรู้และทรัพยากรที่มีของตนเองเพื่อสนับสนุนในด้านการเตือนภัย เพราะไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่หรือธุรกิจท้องถิ่น ต่างก็คือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกันในการใช้ข้อมูลสภาพอากาศและภูมิอากาศเพื่อลดความเสี่ยง ปกป้องทรัพย์สิน ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสร้างความยืดหยุ่นทางธุรกิจในระยะยาว

ด้วยความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เราสามารถสร้างระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากขึ้น เพื่อปกป้องชุมชนและในขณะเดียวกันก็ยังเสริมสร้างความมั่นคงให้กับภาคธุรกิจได้อีกด้วย

ขยายขอบเขต: ยกระดับระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับทุกคน

เมื่อเรามองตรงไปยังเป้าหมายที่ถูกตั้งไว้ในปี 2027 ขั้นตอนต่อไปของโครงการ “การเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับทุกคน” นั้นจะมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานที่รวดเร็ว ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้โครงการนี้สร้างผลกระทบในวงกว้างได้มากขึ้น โดยจะดำเนินการผ่านแนวทางดังต่อไปนี้

ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

ต่อยอดบทเรียนและเครื่องมือที่ได้รับการพัฒนาขึ้น เพื่อเร่งรัดและปรับปรุงการดำเนินโครงการ

ขยายการสนับสนุนไปยังประเทศอื่นๆ นอกเหนือจาก 30 ประเทศที่เป็นเป้าหมายเริ่มต้น เสริมสร้างความร่วมมือกับผู้ให้ทุนระดับทวิภาคีและพหุภาคี ธนาคารเพื่อการพัฒนา และกองทุนด้านภูมิอากาศ เพื่อเพิ่มทรัพยากรและขยายขอบเขตความร่วมมือให้กว้างออกไป

พัฒนาขีดความสามารถระดับภูมิภาค ผ่านความร่วมมือกับศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางและพันธมิตรในระดับภูมิภาค เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มั่นคงยั่งยืน ส่งเสริมความเป็นเจ้าของในระดับประเทศ โดยให้แต่ละประเทศเป็นผู้นำในการดำเนินโครงการในประเทศของตน เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ด้วยความร่วมมือกัน เราสามารถลดช่องว่างด้านเงินทุนสำหรับระบบเตือนภัยล่วงหน้า และทำให้ทุกประเทศมีทรัพยากรที่จำเป็นในการสร้างความสามารถในการปรับตัว พร้อมปกป้องชุมชนจากภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

วิทยาศาสตร์โลกทั้งระบบ : รากฐานของระบบเตือนภัยล่วงหน้า

ประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่สำคัญที่สุด โดยประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลและกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะขนาดเล็กก็มีอัตราการพัฒนาที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกด้วย

กว่า 75 ปีที่ผ่านมา องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เป็นผู้นำระดับโลกด้านวิทยาศาสตร์โลกทั้งระบบ (Earth System Science) แนวทางแบบบูรณาการที่เชื่อมโยง สภาพอากาศ ภูมิอากาศ น้ำ และสิ่งแวดล้อม เข้าด้วยกัน การทำความเข้าใจและคาดการณ์ปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพ

แม้ว่าความสามารถในการพยากรณ์อากาศจะพัฒนาก้าวหน้าไปมาก แต่ก็ยังคงมีช่องว่างที่ต้องการการเติมเต็มอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเครือข่ายการตรวจวัดสภาพอากาศ ความแม่นยำของการพยากรณ์ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลคุณภาพสูงด้านภูมิอากาศและอุทกวิทยาอีกด้วย การเสริมสร้างศักยภาพของหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาแห่งชาติ (NMHSs) ในประเทศกำลังพัฒนาจึงไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อความสามารถในการฟื้นฟูตัวเอง ความมั่นคงปลอดภัย และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของโลกด้วย

กรมอุตุนิยมวิทยา ในฐานะหน่วยงานเฉพาะทางของสหประชาชาติด้าน สภาพอากาศ ภูมิอากาศ และน้ำ WMO ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือผ่านเครือข่ายประเทศสมาชิกทั้ง 193 ประเทศ

ปลัดดีอี เปิดงานวันอุตุนิยมวิทยาโลก 2025 (1)
ภาพ @กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก เดิมมีชื่อว่า “องค์การอุตุระหว่างประเทศ” (International Meteorological Organization : IMO) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ.1873 (พ.ศ. 2416) และองค์การอุตุระหว่างประเทศได้เปลี่ยนชื่อเป็น “องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก” (WORLD METEOROLOGICAL ORGANIZATION : WMO) เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ.1950 (พ.ศ. 2493)

โดยมีอนุสัญญาว่าด้วยอุตุนิยมวิทยาโลกเป็นหลักดำเนินการ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และในปีเดียวกันนั้นเองประเทศไทยก็ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกองค์การ WMO จึงมีการกำหนดให้วันที่ 23 มีนาคม ของทุกๆ ปี เป็น “วันอุตุนิยมวิทยาโลก” (World Meteorological Day) โดยปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 193 ประเทศสมาชิกและดินแดน

ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานในพิธีเปิดงานพร้อมมอบเกียรติบัตรเนื่องใน วันอุตุนิยมวิทยาโลก ประจำปี 2568 “จับมือร่วมใจ ปิดช่องว่างการเตือนภัยล่วงหน้า (Closing the Early Warning Gap Together)” พร้อมด้วย นางปิยนุช วุฒิสอน รองปลัดกระทรวงดีอี และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยมี นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และผู้บริหารกรมอุตุนิยมวิทยาให้การต้อนรับ ณ หอประชุมกรมอุตุนิยมวิทยา บางนา กรุงเทพฯ

ปลัดดีอี เปิดงาน วันอุตุนิยมวิทยาโลก (1)
ภาพ @กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

แล้วประวัติความเป็นกรมอุตุนิยมวิทยาของไทย ? เริ่มทำนายฟ้า-ฝนกันครั้งแรกตอนไหน

ประวัติกรมอุตุนิยมวิทยา นายพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ คือผู้ให้กำเนิดอุตุนิยมวิทยาไทย พ.ศ.2449

เริ่มดำเนินงาน ในกรมทดน้ำ กระทรวงเกษตราธิการ เมื่อพ.ศ.2466 ต่อมาปลายปีได้จัดตั้งเป็น “แผนกอุตุนิยมศาสตร์” และสถิติกองรักษาน้ำ กรมทดน้ำ (ปัจจุบัน คือ กรมชลประทาน)

โอนกิจการ

  • 6 สิงหาคม 2479 : เป็นกองอุตุนิยมวิทยา สังกัดกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ
  • 23 มิถุนายน 2485 : ยกฐานะเป็นกรมอุตุนิยมวิทยา โดยมีสถานที่ ทำงาน อยู่ที่ 612 ถนนสุขุมวิท ตำบลคลองตัน อำเภอพระโขนง จังหวัดกรุงเทพมหานคร
  • 29 สิงหาคม 2505 : โอนมาสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
  • 1 ตุลาคม 2515 : โอนมาสังกัดกระทรวงคมนาคม
  • 3 ตุลาคม 2545 : โอนมาสังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2559 ได้มีการตราพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2559 ส่งผลให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารต้องสิ้นสุดลง และจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมขึ้นแทน

ย้ายสถานที่ทำงาน : ด้วยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 และ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2532 อนุมัติให้ กรมอุตุนิยมวิทยาย้ายสถานที่ทำงานอุปกรณ์ทางเทคนิค และบ้านพักจากสถานที่เดิม มายังสถานที่ปัจจุบัน โดยอนุมัติงบประมาณจำนวน 346 ล้านบาท ให้เป็นค่าก่อสร้าง อาคารที่ทำการใหม่สูง 16 ชั้น รวมทั้งบ้านพักข้าราชการ โดยมีสถานที่ตั้งอยู่ที่ 4353 ถนนสุขุมวิท แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร

โลโก้กรมอุตุนิยมวิทยาของไทย วันกรมอุตโลก 23 มีนา 2025
แฟ้มภาพ @กรมอุตุนิยมวิทยา
ดูแผนที่พยากรณ์ประจำวันที่ 23 มีนาคม 2568
ภาพ Facebook @tmd.go.th

พยากรณ์ประจำวันแบบอินโฟกราฟิก 23 มีนาคม 2568

ลักษณะอากาศทั่วไป

23 มีนาคม 2568 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมภาคเหนือ ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน แต่ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้าบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือทำให้ภาคเหนือตอนบนมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้: การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันบริเวณประเทศไทยตอนบนอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างมากถึงมากเนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนลง

พยากรณ์อากาศบริเวณท่าอากาศยานภายในประเทศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า
ภาพ Facebook @tmd.go.th

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้

  • ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • อากาศเย็นในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส
    อณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง

  • อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

  • อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

  • มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

  • มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพและปริมณฑล

  • อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button