ยังมีหวัง ผบ.ตร.สั่งทบทวนใหม่ ส.ต.อ. สอบติดนายร้อย แต่ถูกปัดตก เพราะใส่ขาเทียม

บิ๊กต่าย สั่งทบทวนใหม่ทั้งหมด ปม ส.ต.อ.ใส่ขาเทียม สอบติดนายร้อยแต่ถูกปัดตก ย้ำชัดดูที่ผลงาน และความตั้งใจ เผย ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างที่ยื่นอุทธรณ์ได้
สืบเนื่องจากกรณีของ ส.ต.อ.สอบติดนายร้อย เมื่อปี 2567 แต่กลับถูกปัดตกไม่ผ่านการคัดเลือก เนื่องจากใส่ขาเทียม ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้นั้น ล่าสุดมีรายงานความคืบหน้าจากทาง บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้เป็นประธานในการประชุมถึงเรื่องดังกล่าวความว่า
“ขณะนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาทบทวนผลการสอบเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรราย ส.ต.อ. ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างระยะเวลาที่ยื่นอุทธรณ์ได้ ขอให้พิจารณาด้วยความละเอียดรอบคอบ มีความเหมาะสมตามสายงาน เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย คำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา ความตั้งในการรับราชการ แล้วรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบโดยด่วน จึงขอให้ผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญ ดูแล ใส่ใจกับสิทธิประโยชน์และสวัสดิกา ขวัญกำลังใจอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน”

ขณะที่ทาง กองบัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกจดหมายชี้แจงกรณีที่ ส.ต.อ.ธนวรรฒน์ ปัญญาเลิศศรัทธา ผบ.หมู่สืบสวน สภ.บ้านบึง สอบติดนายร้อยแต่ถูกปัดตก เพราะใส่ขาเทียมนั้นเป็นไปตามระเบียบการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ในผนวก จ. ท้ายประกาศรับสมัครฯ ข้อ 6.2.5 ระบุ “ห้ามใช้อุปกรณ์ช่วยหรืออุปกรณ์เสริม ในการทดสอบใด ๆ ทั้งสิ้น
กองบัญชาการศึกษา แจงเหตุ ส.ต.อ. สอบติดนายร้อย ถูกปัดตก
ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ ที่ได้มีการเผยแพร่กรณี “ข้าราชการตำรวจยศ ส.ต.อ. ร้องฯ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ “สอบผ่านแต่ถูกปัดตก เนื่องจากที่ตนเองเป็นผู้มีคุณสมบัติฯ ไม่เป็นไปตามประกาศรับสมัครฯ” เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำงานแต่อย่างใดนั้น
กองบัญชาการศึกษา ขอเรียนประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจในข้อเท็จจริง ดังนี้: ข้าราชการตำรวจรายดังกล่าว ได้สมัครเข้าทำการสอบคัดเลือกตามประกาศกองบัญชาการศึกษา ที่รับสมัครข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ผู้มีวุฒิปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิต เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อแต่งตั้งเลื่อนชั้นเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร พ.ศ. 1 ๒๕๖๗ กลุ่มสายงานสืบสวนสอบสวน (สบ.๑) โดยผลคะแนนของ ส.ต.อ. รายนี้ผ่านการสอบข้อเขียนได้คะแนน (คิดเป็นร้อยละ ๖๐.๖) และให้เข้าทดสอบความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ว่ายน้ำ และวิ่ง)
ต่อมาเมื่อถึงกำหนดวันทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ขณะจะทำการทดสอบว่ายน้ำ คณะอนุกรรมการฯ พบว่า ส.ต.อ. รายดังกล่าว มีความผิดปกติทางร่างกาย ขาซ้ายขาดตั้งแต่เข่าลงมา โดยใส่ขาเทียมเข้ามารายงานตัวเพื่อขอเข้าทดสอบ และได้ทำบันทึกขอถอดขาเทียมออกเพื่อว่ายน้ำ ผลปรากฏว่าว่ายน้ำอยู่ในเกณฑ์เวลา จากนั้นได้ไปทำการทดสอบวิ่ง แต่ได้ทำบันทึกขอใช้อุปกรณ์ขาเทียมสำหรับวิ่งโดยเฉพาะ และขณะนั้นแพทย์ประจำสนามไม่อาจให้ความเห็นว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์เสริมหรือไม่ ตามที่ระเบียบต้องห้ามไว้ในประกาศ จึงให้เข้าทดสอบไปก่อนจนเสร็จสิ้นกระบวนการ
ต่อมาเมื่อ ๑๒ มี.ค. ๒๕๖๘ คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกฯ ได้ประชุมพิจารณาเพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อผู้คัดเลือกได้ตามหลักเกณฑ์ที่ได้ประกาศรับสมัครและสอบคัดเลือก โดยกรณีของ ส.ต.อ. ปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้:
๑) ตามประกาศรับสมัครฯ ข้อ ๒.๖ “ไม่เป็นผู้มีร่างกายผิดปกติ หรือพิกลรูป หรือพิการ อันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่” กรณีที่ ส.ต.อ. รายดังกล่าว มีรายชื่อเข้าสอบข้อเขียนและไม่ได้ถูกตัดสิทธิการขาดคุณสมบัติตามข้อ ๒.๖ แต่แรก เนื่องจากการรับสมัครทางอินเทอร์เน็ต ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นได้ชัดเจน และในกรณีมีอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์เสริมในการเดิน การวิ่ง ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละภารกิจ ถ้าอุปกรณ์ดังกล่าวชำรุด ไม่พร้อม เสียหาย หรือสูญหายไป จะส่งผลต่อการดำเนินกิจวัตรประจำวัน หรือภารกิจต่าง ๆ ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุ หรือมีเหตุซึ่งหน้า อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นและต่อตนเอง
๒) ตามระเบียบการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ในผนวก จ. ท้ายประกาศรับสมัครฯ ข้อ ๖.๒.๕ ระบุ “ห้ามใช้อุปกรณ์ช่วยหรืออุปกรณ์เสริม ในการทดสอบใด ๆ ทั้งสิ้น…” ที่ประชุมฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ขาเทียมที่ ส.ต.อ. ใช้ในการทดสอบเป็นแบบ Sport ใช้ในการวิ่งแข่งขันกีฬา มีน้ำหนักเบา และมีสปริง เวลาวิ่งจะเสริมให้เท้ากระดกไปข้างหน้า จึงเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้การวิ่งซึ่งไม่เป็นขาเทียมปกติที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ดังนั้น คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกฯ พิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ส.ต.อ. รายดังกล่าว เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนถูกต้องตามประกาศรับสมัครฯ จึงตัดรายชื่อออกจากผู้สอบคัดเลือกได้ และไม่มีสิทธิเป็นผู้คัดเลือกได้ และผู้คัดเลือกได้สำรอง อย่างไรก็ตาม ในการคัดเลือกครั้งนี้ กองบัญชาการศึกษา ได้เปิดการคัดเลือกในสายนิติการ ซึ่ง ส.ต.อ. รายดังกล่าวสามารถเข้ารับการคัดเลือกโดยไม่ต้องทดสอบความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ว่ายน้ำ และวิ่ง) ที่มีข้อห้ามตามประกาศรับสมัครแต่อย่างใด กองบัญชาการศึกษา จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ และขอยืนยันว่าคณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกฯ ได้ดำเนินการสอบคัดเลือกอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องทุกประการ
พลตำรวจตรีสมพร สัจพจน์
รองผู้บัญชาการศึกษา/โฆษกกองบัญชาการศึกษา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิงจาก : กองบัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ