“ภูมิธรรม” โต้จ่ายไฟฟ้า-อินเตอร์เน็ต สนับสนุนคอลเซ็นเตอร์เมียนมา
ภูมิธรรม โต้หลังมีรายงานว่า ไทย จ่ายไฟฟ้า-อินเตอร์เน็ต สนับสนุนคอลเซ็นเตอร์เมียนมา เผยตัดไฟแม่ระมาด-แม่สอด ตั้งแต่ มิ.ย.67
จากกรณีที่สำนักข่าว เดอะอิรวดี รายงานว่า รัฐบาลทหารเมียนมา ได้กล่าวหาว่า ประเทศเพื่อนบ้านแห่งหนึ่ง จ่ายไฟให้กับศูนย์สแกมเมอร์ตามแนวชายแดน ทำให้สามารถก่ออาชญากรรมออนไลน์ ผ่านการใช้ไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ระบุชัดเจนว่าคือชาติไหน แต่หลายฝ่ายเข้าใจตรงกันว่าคือประเทศไทย
ล่าสุด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวว่า ในพื้นที่ที่สร้างนิคมคอลเซ็นเตอร์ และแหล่งอาชญากรรม อยู่ในพื้นที่เมียนมา ซึ่งมีการประสานงานกันเพื่อแก้ไขสถานการณ์ แต่ทางเมียนมาแจ้งว่าเป็นจุดที่ยากจะเข้าถึง และมีกำลังของคนส่วนน้อย
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจ่ายไฟออกนอกประเทศนั้นเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมีทั้งหมด 4 จุด ได้แก่ สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่สอง ชายแดนเมืองเมียวดี ซึ่งมีการตรวจสอบแล้วว่ามีการใช้งานจริง แต่อำเภอแม่ระมาด รวมถึงอำเภอแม่สอด ถือเป็นจุดที่มีปัญหา เพราะเป็นแหล่งที่มีพนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งพื้นที่ในอำเภอแม่ระมาดเป็นศูนย์รวมของกลุ่ม kk park ส่วนแม่สอดก็เป็นที่ตั้งของชเวก๊กโก ซึ่งเป็นจุดนิคมคอลเซ็นเตอร์ใหญ่ ทางการไทยได้ดำเนินการตัดไปแล้ว ตั้งแต่ 5 มิ.ย. 2567 มีการถอนการติดตั้งและรื้อเสาสัญญาณ รวมถึงฐานสัญญาณ
ขณะนี้ได้ประสานกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และบริษัทที่เป็น Operator เพื่อเร่งดำเนินการ แต่ในพื้นที่ยังมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม จะดำเนินการอย่างเต็มที่ การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ต้องมีการพูดคุยกับหลายประเทศ ทั้งเมียนมาและจีนต้องช่วยกัน ซึ่งทางการจีนประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่า จะดำเนินการอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ไทยยังถูกกล่าวหาว่าเป็นทางผ่านให้เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เดินทางไปทำงานบริเวณอำเภอแม่ระมาดและแม่สอด ซึ่งไม่ได้ผ่านไทยเพียงประเทศเดียว หากใช้ไทยเป็นทางผ่านก็ต้องลงสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะมีกล้อง CCTV จับตาดู เป็นการเข้ามาโดยปกติไม่ได้ผิดกฎหมาย เช่นกรณีชาวอินโดนีเซีย ถูกพามาทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 30 คน แต่เข้ามาในไทยได้เพียงแค่ 12 คน มีเพียง 8 คนที่มีชื่อปรากฎอยู่บริเวณด่านข้ามแดน แต่อีก 4 คนหายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ และอีกส่วนก็ได้ใช้สายการบินต่างประเทศ ลงจอดที่ประเทศเมียนมา ทำให้สามารถเข้าประเทศได้ทันที ส่วนคนจีนบางกลุ่ม สามารถเดินทางเข้าเมืองเมียวดีได้โดยตรง
ส่วนใหญ่การเข้าไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นการเข้าไปโดยสมัครใจเพราะคิดว่าเป็นงานที่มีค่าแรงสูง แต่พอเข้าไปและไม่สามารถ้างานตามที่คาดหวัง ก็จะมีจำนวนหนึ่งที่ทนไม่ได้และหนีออกมา ซึ่งในตึกคอลเซ็นเตอร์มีกำแพงกั้นหนาพอสมควรอย่างที่เป็นข่าว ชาวอินโด 32 คนที่หนีเข้ามาในไทยได้ ซึ่งกองกำลังราชมนูไปพบเข้าก็นำตัวมาและแจ้งข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่หากไม่มีเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ก็จะปล่อยตัวไป
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (23 ม.ค.68) ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐโดยแจ้งว่ากฟภ.มี หน้าที่จ่ายไฟแต่ไม่ได้มีความรู้ของความมั่นคง ทำให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เตรียมเรียกประชุมวันที่ 29 ม.ค.67 จะเชิญกฟภ.เข้าไปเพื่อพูดคุย โดยนายภูมิธรรม ระบุว่า จริงๆแล้วระดับปฏิบัติการไม่ควรอ้างว่าไม่ทราบเรื่องความมั่นคง เพราะควรรับรู้ได้ด้วยวิญญูชน เตรียมประสานงานพูดคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกำกับดูและ กฟภ.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รัฐบาลทหารเมียนมา โบ้ย ไทย สนับสนุนจ่ายไฟให้แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์
- ซิงซิง ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ ยืนยันประเทศไทยปลอดภัย กลับมาแน่นอน
- นายกอิ๊งค์ เล่าครั้งแรก เกือบโดนแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอก อ้างเป็นผู้นำประเทศ