ยินดีต้อนรับ “เจนเบต้า” เด็กเกิดใหม่ตั้งแต่ปี 2025 AI แทรกซึมทุกอณูชีวิต
ปี 2025 นี้ เป็นปีแรกเด็กที่เกิดใหม่ จะจัดอยู่ในกลุ่มงเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ชื่อ “เจเนอเรชั่นเบต้า” หรือ เจนเบต้า (Gen Beta) ซึ่งเป็นเจเนอเรชั่นถัดจาก “เจเนอเรชั่นอัลฟ่า” ตามลำดับอักษรกรีก
บริษัทวิจัย McCrindle ของออสเตรเลีย คาดการณ์ว่า เจเนอเรชั่นเบต้าจะเกิดในช่วงปี 2025 ถึง 2039 พวกเขาจะเป็นลูกหลานของคนรุ่นมิลเลนเนียลตอนปลายและเจเนอเรชั่นซี (Gen Z) ตอนต้น
เจเนอเรชั่นอัลฟ่า เกิดมาก็จะคุ้นเคยกับเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนและปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะได้สัมผัสกับ AI ระบบอัตโนมัติที่แทรกซึมอยู่ในทุกแง่มุมของชีวิตยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา
แน่นอนว่า เจเนอเรชั่นเบต้าจะต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาวะโลกเดือด การเคลื่อนย้ายประชากร และการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ “ความยั่งยืน” ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวกเขา
McCrindle ระบุว่า เด็กเจเนอเรชั่นนี้จะเติบโตขึ้นมาภายใต้การเลี้ยงดูของพ่อแม่รุ่นมิลเลนเนียลและเจเนอเรชั่นซี ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการปรับตัว ความเท่าเทียม และการใส่ใจสิ่งแวดล้อม
พ่อแม่เจเนอเรชั่นซีของเด็กเจเนอเรชั่นเบต้ามีแนวโน้มที่จะระมัดระวังเรื่องการใช้สื่อดิจิทัลของลูกมากกว่าคนรุ่นก่อน พบว่า 36% ของพ่อแม่เจเนอเรชั่นซีเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าควรจำกัดเวลาการดูหน้าจอของเด็ก ซึ่งมากกว่าพ่อแม่รุ่นมิลเลนเนียลที่คิดแบบเดียวกันเพียง 30%
คาดว่าภายในปี 2035 เจเนอเรชั่นเบต้าจะมีสัดส่วนถึง 16% ของประชากรโลก และหลายคนในเจเนอเรชั่นนี้มีแนวโน้มที่จะมีชีวิตยืนยาวถึงศตวรรษที่ 22 ลองคิดดูว่า תינוקที่เกิดในปี 2025 จะมีอายุถึง 76 ปีในปี 2101 เลยทีเดียว
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าตัวเองอยู่เจเนอเรชั่นไหน ลองดูช่วงปีเกิดตามนี้ได้เลย
- Greatest Generation: 1901-1927 – รุ่นยิ่งใหญ่ (เกิดและเติบโตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2)
- Silent Generation: 1928-1945 – รุ่นเงียบ (เติบโตในช่วงสงครามเย็น มีความอดทนสูง)
- Baby Boomers: 1946-1964 – รุ่นเบเบี้บูมเมอร์ (เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีประชากรเกิดมาก)
- Generation X: 1965-1979 – เจเนอเรชั่นเอ็กซ์ (ยุคเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี)
- Millennials: 1980-1994 – เจเนอเรชั่นวาย หรือ รุ่นมิลเลนเนียล (เติบโตพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล)
- Generation Z: 1995-2009 – เจเนอเรชั่นซี หรือ เจเนอเรชั่นแซด (คุ้นเคยกับอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย)
- Gen Alpha: 2010-2024 – เจเนอเรชั่นอัลฟ่า (เกิดในยุคสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต)
AI กับอิทธิพลต่อเด็กเจนเบต้า บทบาทของปัญญาประดิษฐ์ในยุคใหม่
AI กำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของเด็กเจนเบต้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อทั้งการเกิดและการเติบโตของพวกเขาในหลายมิติ เริ่มตั้งแต่การวางแผนครอบครัว AI อาจช่วยวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพและพันธุกรรมของพ่อแม่ เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการมีบุตร รวมถึงช่วยเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตั้งครรภ์ การดูแลสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์ ช่วยตรวจติดตามพัฒนาการของทารกในครรภ์ วิเคราะห์ความเสี่ยง และแจ้งเตือนแพทย์หากพบความผิดปกติ
การศึกษา ปรับการสอนให้เหมาะกับเด็กแต่ละคน ประเมินผล และให้คำแนะนำแบบเฉพาะเจาะจง AI สร้างสรรค์สื่อการเรียนรู้ที่ตอบสนองกับเด็ก ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก เช่น เกม AR/VR เด็เจนเบต้าจะเข้าถึงแหล่งข้อมูลง่ายขึ้น เพราะมี AI ช่วยค้นหาและประมวลผลข้อมูลมหาศาล เปิดโลกการเรียนรู้ที่ไร้ขีดจำกัด
ด้านสุขภาพ การตรวจวินิจฉัยโรค AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพ ตรวจหาความผิดปกติ และเสนอแนวทางรักษา ให้คำแนะนำด้านสุขภาพ โภชนาการ และการออกกำลังกาย แบบเฉพาะบุคคล
ด้านสังคม อาจมีเพื่อน AI พูดคุย เล่น และเรียนรู้ร่วมกับเด็ก แต่ก็น่ากังวลว่าเด็ดจะขาดทักษะการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนที่เป็นมนุษย์จริงๆ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- Gen Y แบกหลังหัก เงินเดือนน้อย ไม่พอสร้างอนาคต ยังต้องส่งเสียพ่อแม่
- Tinder เผยเทรนด์เดทปี 68 Gen Z โหยหาความสัมพันธ์ ชัดเจน-จริงใจ-ธรรมชาติ
- ทักษิณ เหน็บ คนรุ่นใหม่พูดเก่ง แต่ทำไม่ได้ อ้อนคะแนนเสียงชาวเชียงใหม่