ลูกน้ำตาตก เรียนจบ 3 ปี ไม่มีงานทำ โดนแม่พูดว่า ‘เป็นภาระ’ ชาวเน็ตแห่เห็นด้วย
เจ้าของกระทู้น้ำตาตก เรียนจบยุคโควิด ผ่านมา 3 ปี ยังไม่มีงานทำ ทุกวันนี้ช่วยที่บ้านค้าขาย ควบคู่งานรับวาดรูป สุดท้ายไม่พ้นโดนแม่ตราหน้า “เป็นภาระ” ชาวเน็ตเสียงแตก บางส่วนเห็นใจ อีกกลุ่มซ้ำเติมแทงใจดำ
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้ใช้พันทิปรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ระบายความอัดอั้นตันใจ เล่าถึงปัญหาชีวิต และปัญหาครอบครัวที่กำลังประสบพบเจออยู่ ในหัวข้อที่ว่า “เรียนจบสามปี ไม่มีงานทำ โดนแม่พูดว่า ‘เป็นภาระ'” โดยเจ้าตัวได้เล่าถึงสถานการณ์ของตนเองในขณะนี้ว่า เธอเรียนจบเมื่อปี 64 ซึ่งเป็นช่วงโควิด-19 กำลังระบาด จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ผ่านมา 3 ปีแล้ว แต่ยังหางานทำไม่ได้ แม้จะพยายามดิ้นรน ทั้งช่วยที่บ้านค้าขาย รับวาดรูปหารายได้เสริม แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นโดนแม่ดูถูก และตราหน้าว่าเป็นภาระ
กระทู้ดังกล่าวระบุข้อความฉบับเต็มไว้ดังนี้ “สวัสดีค่ะ เราเป็นคนจบช่วงโควิดพอดีค่ะ เมื่อปี 64 ทำให้สมัครงานได้ยากมากเลยทีเดียว ใน Email เรามีแต่ Email สมัครงานค่ะ แต่ไม่มีที่ไหนตอบรับเลย มีแต่เป็นงานฟรีแลนซ์ค่ะ เป็นพวกวาดรูปค่ะ ด้วยอาชีพนี้ไม่พอค่าใช้จ่ายค่ะ ที่บ้านขายของ เราช่วยแม่ขายของตั้งแต่ 07.00 – 23.00 น. ของทุกวัน โดยค่าให้แรง 400 บาท
เราต้องทำอาหารให้ท่านกินทุกวัน ตอนเที่ยง พอเราไม่อยากทำมันเหนื่อย แกบ่นว่า ทำไมไม่ทำให้พ่อแม่กิน แกชอบทำประชดใส่ พูดเสียงดัง ด่าเราว่าเป็นเด็กเลว แค่ไม่ได้ทำอาหารให้กิน เราเหนื่อยแต่ละวัน พอจบจากค้าขายก็มานั่งวาดรูปถึงตี 1 ค่ะ ขอแค่วาดรูปนิด ๆ ให้ฮีลใจก็ดีแล้วค่ะ
ด้วยเศรษฐกิจตอนนี้มันแย่ ค้าขายไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน แกก็จะเครียด บ่นว่า เราเป็น ‘ภาระ’ ต้องให้ค่าแรงอีก ไปจ้างพม่าดีกว่า (ทั้ง ๆ ที่จ้างพม่า ตอนตี 5 ถึงเที่ยง ได้ 400 ได้มากกว่าเราค่ะ) ทั้ง ๆ ที่เราจ่ายค่าไฟที่บ้าน ใช้เงินที่รับวาดรูปมาค่ะ
เราสอบเข้าสถานที่ข้าราชการต่าง ๆ สอบผ่านแต่ไม่ผ่านสัมภาษณ์เลยค่ะ เราเหนื่อยใจมากเลยค่ะ ถ้าแม่รู้ว่า เราเป็น ‘ภาระ’ จะมีเราทำไมกัน? เคยถามแม่ค่ะ ว่าทำไมอยากมีลูก แม่ตอบ ‘เอาไว้ดูแลตอนแก่’ เราไม่อยากมีลูก สร้างครอบครัว มาเจออะไรที่ toxic แบบนี้
เราดิ้นหางานมาตลอดสามปีค่ะ อยากมีงานทำจะได้ไม่โดนเรียกใส่ว่าเป็น ‘ภาระ’ ค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ เรามาพิมพ์ทิ้งไว้ค่ะ”
กระทู้ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างล้นหลามภายในเวลาไม่นาน ผู้ใช้พันทิปจำนวนมากต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงปัญหาที่เจ้าของกระทู้กำลังพบเจอ ส่วนหนึ่งแสดงความเข้าใจถึงความน้อยเนื้อต่ำใจของสาวเจ้าของกระทู้ รวมถึงพยายามแบ่งปันประสบการณ์การหางานของตนเอง เพื่อหวังให้เจ้าของกระทู้มีอาชีพที่มั่นคงขึ้น และมีอิสระทางการเงิน และการใช้ชีวิตมากขึ้น อาทิในข้อความที่ว่า
“ไม่รู้เจ้าของกระทู้จบระดับการศึกษาไหนมานะครับ เจ้าของกระทู้ลองสมัครงานบริษัท งานโรงงานอาจจะมีตำแหน่งด้าน Office งานธุรการครับเพื่อให้มีรายรับเข้ามา ระหว่างวันหยุด หรือว่างหลังเลิกงาน ก็อ่านหนังสือสอบราชการด้วยก็ได้ครับ เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ครับ”
ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้พันทิปอีกกลุ่มกลับไม่คิดเช่นนั้น และมองว่าคำพูดของคุณแม่เจ้าของกระทู้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และรู้สึกเห็นด้วยกับคำว่า “ภาระ” ที่หญิงสาวคนนี้ต้องพบเจอ โดยหลาย ๆ คนได้ตั้งคำถามถึงสาเหตุที่เธอยังว่างงาน รวมถึงติติงทัศนคติของเธอที่เลือกจมจมปลักกับความเสียใจ แทนที่จะดิ้นรนให้มากขึ้นเพื่อหางานสร้างรายได้ ดังในความคิดเห็นที่กล่าวว่า
“งานก็คืองาน งานอะไรก็ออกไปทำ ทำให้ได้เงินกลับมา ลองคิดดูว่า ไม่มีพ่อไม่มีแม่ไม่มีบ้านหลังนี้ ไม่มีร้านขายของที่เค้าจ้าง 400 บาท เราจะทำมาหากินอะไร? ให้ได้ที่อยู่อาศัย ได้ข้าว ได้ความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน ถ้าคิดพ่อแม่ไม่ดี ก็ไม่ต้องไม่พึ่งพาแก ออกมาใช้ชีวิตของตัวเองซะ ถ้าไม่อยากดูแลแก ก็ออกมาจากบ้านแกซะ ง่ายมาก”
“อย่านึกถึงแต่มุมของตัวเอง นึกถึงแม่บ้างเลี้ยงดูส่งเรียนจนจบก็หวังจะหมดภาระ แต่กลายเป็นไม่ต่างจากเดิม ยังต้องจ่ายเงินให้ลูกทุกวัน ไม่ต้องอ้างเรื่องทำงาน อย่างที่แม่บอกแม่จ้างเขมร พม่า หรือทำเอง เอาแค่แรงตัวเองยังได้ ถ้าลูกรับผิดชอบเลี้ยงดูตัวเองได้แล้ว”
“เอาตรง ๆ นะ ก็เป็นภาระจริง ๆ พ่อแม่มีคุณ เขาไม่จำเป็นต้องมานั่งเลี้ยงคุณตลอดชีวิตนะ คุณบอกว่าครอบครัว Toxic ไม่คิดบ้างเหรอ ว่าตอนนี้คุณก็ Toxic+Loser ของครอบครัวเหมือนกัน คุณบอกว่าจบมาตั้งแต่ช่วงโควิด โทษโน่นนี่นั่น คือ โควิด มันจบมาหลายปีแล้วนะ จนคนที่เขาล้มเพราะโควิด เขาลุกมายืนใหม่กันหมดแล้ว คุณหางานไม่ได้ หรือคุณเลือกงาน จนหางานไม่ได้ ตอบตัวเองให้แน่ ๆ ถามตัวเอง ทำไมคนอื่นเขามีงานทำ งานเสิร์ฟ งานร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ”
“ปี 64 – 67 หางานไม่ได้เลยหรอ เราว่าคุณพยายามไม่พอค่ะ”
“แม่คงตั้งใจกดดันคุณให้พยายามมากกว่านี้ เพราะแม่ไม่สามารถเลี้ยงคุณไปได้ตลอดชีวิต เค้าต้องการเห็นคุณดูแลตัวเองได้ก่อนตาย”
“ภาระแหละ ลูกเรียนจบแล้วแทนที่จะช่วยส่งเงินให้พ่อแม่ นี่พ่อแม่ยังต้องโอนให้เดือนละ 12,000 ถึงจะบอกว่าช่วยงานที่บ้านก็เถอะ เลิกอยู่บ้าน ไปสมัครเซเว่นเถอะ ขายของก็ไม่ดี พ่อแม่จะได้ลดรายจ่ายลง 12,000 ต่อเดือน ยอดมันเยอะนะ ไปทำเซเว่นก็ได้เท่านี้แหละ 12,000 จะได้ลดค่าใช้ในบ้านลงไปตั้ง 12,000 เลยทีเดียว”
“เออ ไปหาพาร์ทไทม์ทำ รอสอบราชการไปด้วยดีกว่าป่ะ หรือหางานเอกชนประจำทำ วาดรูปได้อะไร ทำไรอยู่ 3 ปี กินตังค์พ่อแม่อีก ไม่อยากมีไรเป็นของตัวเองหรอครับ”
“แปลก คุณสอบข้าราชการผ่าน แต่ไม่ผ่านสัมภาษณ์ อันนี้ต้องพิจารณาตัวเองใหม่แล้วล่ะครับ น้อยคนที่ผ่านภาค ก ข แล้วจะไปตกภาค ค รอบสัมภาษณ์ อย่างน้อยก็ต้องขึ้นบัญชีรอเรียก ลองดูใหม่อีกทีสิครับ โควิดก็ผ่านมาแล้วหลายปี หลายหน่วยงานก็เปิดรับป.ตรี ไม่จำกัดสาขา หรือหางานพวกแอดมินเพจร้าน ใช้หัวศิลป์ในตัวเองคอยโพสต์รูปภาพ อาจจะรายได้มั่นคงกว่าฟรีแลนซ์”
ทั้งนี้ กระทู้ดังกล่าวยังคงได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งชาวเน็ตทั้งหลายก็มีความคิดเห็นแตกต่างกันออกไป ทั้งร่วมส่งกำลังใจ และแม้แต่ติติงทัศนคติของเจ้าของกระทู้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สาวมหาลัยอึดอัด ยังเรียนไม่จบ แฟนว่างงาน ขอย้ายมาอยู่ด้วย ทำยังไงดี?
- เปิดอัตรา คนไทยว่างงาน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว กว่า 65 เปอร์เซ็นต์หางานไม่ได้
- เรียนไม่จบปริญญาตรี หางานยังไง ให้ตรงความถนัด รายได้ดีไม่อดตาย