หนุ่มตกงานวัย 21 กลายเป็นเศรษฐี เพื่อนบ้านจับสังเกต ออกไปซื้อกระดาษทุกเดือน
เปิดโปงคดีดัง หนุ่มจีนวัย 21 ปี ผู้ใช้ชีวิตอย่างลึกลับ กลายเป็นเศรษฐีเพียงชั่วข้ามคืน ชาวบ้านจับสังเกต ทำไมออกไปซื้อกระกาษขาว เดือนละ 2 ครั้ง สุดท้ายตำรวจช่วยเฉลยความจริงสุดช็อก
สำนักข่าวต่างประเทศ SOHA รายงานถึงเรื่องราวของหนุ่มวัยรุ่น วัย 21 ปี นามว่า เสี่ยวจู ผู้เติบโตมาในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แต่จู่ ๆ ชีวิตก็พลิกผันกลายเป็นเศรษฐี ทั้งที่ไม่มีงานทำ แถมยังชอบใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ออกจากบ้านเพียงเดือนละ 2 ครั้ง และในทุก ๆ ครั้งจะกลับมาพร้อมกระดาษขาวจำนวนมาก จนกระทั่งความจริงถูกเปิดโปง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยไขปริศนาเบื้องหลังความรวยนี้
ย้อนกลับไปในปี 2019 ‘เสี่ยวจู’ หนุ่มวัย 21 ปี ได้กลายเป็นที่พูดถึงทั่วหมู่บ้านลั่วเจีย อำเภอไต้หม่า มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ด้วยฐานะทางบ้านที่ดูธรรมดา พ่อแม่ทำธุรกิจเล็ก ๆ อาศัยอยู่ในบ้าน 2 ชั้น ขนาดประมาณ 80 ตารางเมตร แต่ผู้เป็นลูกชายกลับใช้ชีวิตหรูหรา ขับรถยนต์ราคาแพง ทั้งยังเป็นคนรวยที่สุดในหมู่บ้านภายในเวลารวดเร็ว
ชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกันรู้สึกแปลกใจจึงพยายามจับสังเกตและหาความผิดปกติของความรวยนี้ โดยพวกเขาเปิดเผยต่อสำนักข่าวท้องถิ่นว่า เสี่ยวจูมีนิสัยแตกต่างจากพ่อแม่ เป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เคยเอาเงินหลายแสนหยวนไปเล่นพนัน แต่ถึงจะเสียเงินก็ไม่เคยบ่นหรือขอเงินพ่อแม่ กระทั่งอายุ 20 ปี เขากลับซื้อรถยนต์ราคาแพง ทุกคนในหมู่บ้านจึงประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงปีที่ผ่านมาเสี่ยวจูดูจะยิ่งเก็บตัวมากขึ้น เขาออกจากบ้านเพียงเดือนละ 2 ครั้ง และทุกครั้งที่กลับมา เขาจะขนกระดาษสีขาวมาเต็มคันรถ ก่อนจะขังตัวเองอยู่ในบ้านหลายวัน และแน่นอนว่าพฤติกรรมแปลก ๆ ยิ่งทำให้ชาวบ้านสงสัยมากกว่าเก่า บางคนชื่นชมในความร่ำรวย แต่หลายคนก็อดเคลือบแคลงไม่ได้
สัญญาณผิดปกติ
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2019 ตำรวจสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ อำเภออุยถี่ ได้รับเบาะแสว่า มีการปลอมแปลงเงินตราในอำเภอไต้หม่า จึงได้ส่งทีมสืบสวนลงพื้นที่ แต่การตามหาตัวผู้กระทำผิดในอำเภอที่มีประชากรกว่า 4 หมื่นคนนั้นไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทร
จนกระทั่ง 7 วันต่อมา ตำรวจได้รับข้อมูลจากชาวบ้านเกี่ยวกับ “เสี่ยวจู” หนุ่มลึกลับแห่งหมู่บ้านลั่วเจีย ผู้ร่ำรวยผิดปกติ ทั้งยังพฤติกรรมน่าสงสัย ทางเจ้าหน้าที่จึงเริ่มสืบสวนอย่างละเอียด
หลังการตรวจสอบบัญชีโซเชียลมีเดียและประวัติการทำธุรกรรม พบว่า เสี่ยวจูซื้อเครื่องพิมพ์ เครื่องตัดกระดาษ และกระดาษเปล่าสีขาวจำนวนมาก ซึ่งพฤติกรรมเข้าข่ายการปลอมแปลงเงินตรา ตำรวจจึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมของหนุ่มคนนี้อย่างใกล้ชิด
ต่อมา วันที่ 15 สิงหาคม 2019 ตำรวจได้รับแจ้งว่า เสี่ยวจูจะเดินทางไปบริษัทกระดาษในเมืองใกล้เคียง จึงได้นำกำลังเข้าจับกุม พร้อมกับเข้าตรวจค้นบ้านพัก และก็ได้พบเครื่องพิมพ์ เครื่องตัดกระดาษ อุปกรณ์แกะสลักตราประทับ และกระดาษเปล่ากว่า 1 หมื่นแผ่น รวมถึงกระดาษที่เตรียมไว้สำหรับพิมพ์ธนบัตรปลอมอยู่ในเครื่องพิมพ์ด้วย
หลักฐานมัดตัว ปลอมเงินเพราะตกงาน
เมื่อหลักฐานมัดตัวแน่น เสี่ยวจูจึงยอมรับสารภาพว่า เขาได้ปลอมแปลงเงินตราจริง ก่อนจะอ้างต่อว่า เรียนจบด้านการออกแบบ แต่หางานทำไม่ได้ จึงหาช่องทางรวยทางลัดด้วยการปลอมแปลงเงิน โดยศึกษาจากอินเทอร์เน็ต และเลือกปลอมธนบัตรใบละ 10 หยวน (มูลค่าประมาณ 47 บาท) เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต ก่อนนำไปขายผ่านโซเชียลมีเดีย โดยมี “นายหนิว” เป็นผู้ช่วยในการพิมพ์และจัดซื้อวัสดุ
จากการสืบสวนขยายผล พบว่าเสี่ยวจูและนายหนิวปลอมแปลงเงินตราไปแล้วกว่า 5 แสนหยวน หรือกว่า 2.3 ล้านบาท สุดท้ายทั้งคู่ถูกจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมาย
อย่างไรก็ดี คดีนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้า แต่การปลอมแปลงเงินตรายังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้น และมักมีผู้ตกเป็นเหยื่อ
ดังนั้น เราควรระมัดระวัง ตรวจสอบธนบัตรทุกครั้งก่อนรับ และหากพบเห็นสิ่งผิดปกติควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเงินปลอม และรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง