หญิงเข้าแจ้งความ เมียบิ๊กตำรวจ ข้อหาลักทรัพย์ สูญทรัพย์ 6 ล้าน
หญิงเข้าแจ้งความ เอาผิดเมียบิ๊กตำรวจ ยศพลตำรวจเอก เข้าไปลัพทรัพย์ในคอนโด ทำสูญทรัพย์สินมูลค่า 6 ล้านบาท ลั่นดำเนินคดีถึงที่สุด
น.ส.ธณัฎฐา (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ผู้เสียหาย เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ถูกภรรยาบิ๊กตำรวจ ยศพลตำรวจเอก เข้าไปขโมยทรัพย์สินในคอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 101 สูญทรัพย์สินกว่า 6 ล้านบาท
ผู้เสียหายเปิดเผยกับตำรวจว่า ตนและสามีเคยพักอาศัยอยู่ที่คอนโดฯ แห่งนี้ แต่ย้ายไปพักย่านพุทธมณฑล เพราะทำงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่สามีจะไปพักที่คอนโดฯ เป็นประจำ ต่อมาวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น. ตนทราบว่า ภรรยาตำรวจยศนายพลรายนี้ได้ใช้คีย์การ์ดเปิดเข้าไปในห้องที่คอนโดฯ จึงเดินทางไปที่คอนโดฯ พบว่า ทรัพย์สินที่เก็บไว้ในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าทั้ง 6 รายการ หายไป รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท หลังเกิดเหตุได้ติดต่อทวงถามโดยตลอด แต่ไม่สามารถติดต่อภรรยาตำรวจยศนายพลได้ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ
ขณะที่ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเรื่องนี้จริง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความในวันที่ 20 ต.ค.
ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางมาเข้าพบ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง และได้เชิญตัว น.ส.ธณัฏฐา (สงวนนามสกุล) ผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติม
กรณีเกี่ยวกับทรัพย์สินที่สูญหายไปรวมมูลค่าเกือบ 6 ล้านบาท และยังได้มีการนำของกลางที่ผู้ถูกกล่าวหาทิ้งไว้ในห้องที่เกิดเหตุของคอนโด ภายในซอยสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย นาฬิกาหรูยี่ห้อ ปาเต๊ะ ฟิลลิปป์ 2 เรือน กระเป๋าสะพาย และเอกสารต่างๆ ของผู้ถูกกล่าวหาหลายรายการ
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 67 น.ส.ธณัฏฐา เดินทางมายัง สน.พระโขนง เข้าพบ พ.ต.ท.สิทธิเดช หาญจริง สว.(สอบสวน) สน.พระโขนง เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นางศิรินัดดา (สงวนนามสกุล) ฐานความผิดลักทรัพย์ฯ สถานที่เกิดเหตุ คอนโดแห่งหนึ่ง ภายในซอยสุขุมวิท 101
น.ส.ธณัฏฐา แจ้งว่า ก่อนเกิดเหตุตนเอง และนายภีมพจน์ (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นสามี ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่คอนโด ชั้น 7 ซอยสุขุมวิท 101 ต่อมาตนและนายภีมพจน์ ได้ย้ายไปพักอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่ง พื้นที่ต.พุทธมณฑล อ.ศาลายา จ.นครปฐม เนื่องจากตนประกอบอาชีพรับจ้าง เป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม และนายภีมพจน์ ก็ได้ทำงานรับราชการอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยตนเอง และนายภีมพจน์ ได้มาพักผ่อนที่ห้องเกิดเหตุอยู่เป็นประจำ
ต่อมาในวันที่ 18 ส.ค. 67 เวลาประมาณ 14.00น. ตนได้ใช้ให้หลานชายเข้ามาเอาของที่ห้องคอนโด ซอยสุขุมวิท 101 เมื่อหลานชายเดินทางมาถึงคอนโดดังกล่าว และได้ขึ้นลิฟท์ไปบนชั้น 7 เมื่อออกจากลิฟท์แล้วได้สังเกตเห็น นางศิรินัดดา ผู้ต้องหาในคดีนี้ ใช้กุญแจ และคีย์การ์ดเปิดเข้าไปในห้อง ซึ่งเป็นห้องพักของตน และนายภีมพจน์ หลานชายจึงได้โทรศัพท์แจ้งเรื่องดังกล่าวให้กับตนทราบ ซึ่งขณะนั้นตน พักอยู่ที่ จ.นครปฐม จึงได้รีบเดินทางมาที่ห้องเกิดเหตุ ถึงห้องในเวลาประมาณ 16.00 น. เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินที่ได้เก็บไว้ในลิ้นชักในตู้เสื้อผ้าประกอบด้วย ทองคำประเภทต่างๆ น้ำหนักรวม 120 บาท เงินสดอีก 6 แสนบาท รวมมูลค่าประมาณ 5.7ล้านบาท ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่ตน และนายภีมพจน์ ซื้อร่วมกันเพื่อจะเอาไว้ใช้ในงานแต่งงานระหว่างตนและนายภีมพจน์ในเดือน ก.พ. 68 แต่ได้จดทะเบียนสมรสกันในเดือน พ.ค.67 แล้ว
ตนจึงได้พยายามติดต่อกับนางศิรินัดดาทางโทรศัพท์ และทางแอปพลิเคชันไลน์ แล้วแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงได้เขียนจดหมาย เพื่อทวงทรัพย์สินดังกล่าวคืน โดยตนได้นำไปให้กับนางศิรินัดดาที่บ้านพักในวันที่ 17 ก.ย.67 เวลาประมาณ 18.40 น. แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้านไม่ให้ตน เข้าไปส่งด้วยตัวเอง แต่ได้ประสานให้นายตำรวจที่คอยดูแลบ้านพักของนายตำรวจยศ พล.ต.อ. ซึ่งเป็นสามีของนางศิรินัดดามารับเอกสารแทน แต่นางศิรินัดดาก็ไม่ได้นำทรัพย์สินดังกล่าวมาคืน ตนได้พยายามติดต่อนางศิรินัดดา ผู้ต้องหาในคดีนี้เรื่อยมา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนางศิรินัดดา ผู้ต้องหาในคดีนี้ จนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามกฎหมาย และติดตามทรัพย์สินดังกล่าวมาคืนให้กับตน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เป็น รมว. ก็ไม่รอด! แจ้งความมือดี ตัดต่อ ‘สมศักดิ์’ ขายยาปลุกเซ็กซ์
- ‘สามารถ’ เตรียมแจ้งความ ‘เด็กซื้อน้ำ’ ข้อหาดักฟัง สื่อโดนด้วย