หนุ่มร้องสื่อ แฟนสาวถูกตำรวจชนแล้วหนี ขอความยุติธรรม รู้ตัวคนทำ แต่เรื่องไม่เดิน
รู้ตัวผู้กระทำผิดแล้ว หนุ่มโพสต์ร้องลงโซเชียล แฟนสาวถูกตำรวจสภ. บ้านเป็ด ชนดับแล้วหนี วอนผู้เกี่ยวข้องช่วยเดินเรื่อง ขณะนี้ไม่ได้รับความยุติธรรม เจ้าหน้าที่ปกป้องกันเอง ซ้ำยังพบประวัติเคยประพฤติไม่ดี
เป็นกำลังเป็นที่สนใจของชาวโซเชียลอยู่ในขณะนี้ สำหรับกรณีที่เมื่อค่ำคืนวันที่ 16 กันยายน 2567 มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก นามว่า Boy Surachai ได้ออกมาโพสต์ร้องขอความเป็นธรรมให้แก่แฟนสาวที่ตกเป็นเหยื่อในคดีถูกตำรวจ สภ.บ้านเป็ด จ.ขอนแก่น ขับรถชนแล้วหนี จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา
แฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิตได้เล่าถึงรายละเอียดของอุบัติเหตุสุดสลดในครั้งนี้ ไปจนถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับผู้เสียชีวิต และครอบครัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ละเลยหน้าที่ ทำงานอย่างไม่โปร่งใส ทั้งยังเกื้อหนุนกันเองภายในองค์กร อันเป็นให้เรื่องไม่เดิน ผู้กระทำผิดลอยนวล
โพสต์ดังกล่าวระบุข้อความไว้ว่า เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 เวลา 21.47 น. แฟนสาวของตนผมถูกตำรวจ สภ.บ้านเป็ด จ.ขอนแก่น ชนแล้วหนีจากที่เกิดเหตุ โดยทิ้งหลักฐานแผ่นป้ายทะเบียน งฉ 549 ขอนแก่น ไว้ในที่เกิดเหตุด้วย โดยในวันนั้นตนได้โทร. หาแฟนเพราะเห็นว่าไปกินหมูกระทะกับพี่ที่ทำงาน SCB แต่จนถึงเวลา 22.00 น. ก็ยังไม่ถึงบ้าน
ผู้รับสายเป็นกู้ภัย โดยได้แจ้งว่า เจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ อยู่ถนนเลี่ยงเมืองตรงบ้านเป็ด ตนจึงรีบไปที่เกิดเหตุและเห็นแฟนนอนเสียชีวิตอยู่ ได้มีการสอบถามกับทางกู้ภัยว่าคู่กรณีอยู่ไหน ทางกู้ภัยบอกว่าเขาหลบหนี แต่มีทะเบียนตกอยู่ที่เกิดเหตุ (งฉ 549 ขอนแก่น) ตนจึงสอบถามไปกับทางกู้ภัยว่า มีผู้เห็นเหตุการณ์ไหม ซึ่งอีกฝ่ายบอกว่ามีแต่กลับไปแล้ว และไม่ได้ให้ข้อมูลติดต่อไว้ด้วย
วันที่ 12 กันยายน 2567 เวลา 00.07 น. ตนและเพื่อน ๆ ได้เดินทางมาที่ สภ.บ้านเป็ด เพื่อลงบันทึกประจำวัน และได้มีการสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ของทางแฟนสาวที่เสียชีวิต พร้อมกับแจ้งว่าแฟนถูกชนแล้วหนี วอนให้ช่วยตามทะเบียนคนผิดให้ด้วย ตนคาดว่าเขาน่าจะเมาแล้วขับ จากนั้นก็ได้สอบถามเกี่ยวกับแผ่นป้ายทะเบียนของรถมอไซค์แฟนว่าอยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะแฟนเอาไว้ใต้เบาะรถ
ทางร้อยเวรจึงออกไป ณ จุดเกิดเหตุเพื่อนำรถมอไซค์แฟนของตนมาที่ สภ.บ้านเป็ด แต่ไม่พบแผ่นป้ายทะเบียน และทางร้อยเวรก็ได้ทำการบันทึกข้อมูล
เวลา 06.55 น. เพจ จุดบริการประตูเมือง มูลนิธิสว่างขอนแก่นสามัคคี ได้โพสต์เกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้ว่า รถจักรยานยนต์ล้มเองและเสียชีวิต โดยมีภาพแผ่นป้ายทะเบียน งฉ 549 ขอนแก่น ในภาพ จึงมีผู้มาคอมเมนต์ว่าเป็นชนแล้วหนี ทางเพจจึงมีการแก้ไขโพสเป็น รถยนต์ + จักยานยนต์ + เสาไฟ (คู่กรณีหลบหนี) และต่อมาเวลาได้ทำการแก้ไขกลับไปเป็นรถจักรยานยนต์ล้มเองและเสียชีวิต
รวมถึงได้ทำการลบคอมเมนต์สำคัญไป และได้ปิดการคอมเมนต์สำหรับโพสต์นี้ไปในที่สุด ซึ่งมันแปลกมากทำไมถึงไม่แจ้งความจริงลงโซเชียล
เวลา 07.17 น. ทางร้อยเวรได้โทรมาหาตนว่า ทราบตัวคู่กรณีแล้ว พร้อมบอกชื่อแต่ไม่บอกนามสกุล ตนจึงได้ย้ำว่ามีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หรือยัง ทางร้อยเวรแจ้งว่าจะมีการดำเนินการ ต่อมาเวลา 9.54 น. ได้ข้อมูลมาว่าเคยมีตำรวจเมาแล้วทะเลาะกับชาวบ้านแถว สภ.บ้านเป็ด และที่สำคัญ ชื่อตรงกับที่ร้อยเวรแจ้งผมและเป็นตำรวจอยู่ที่ สภ.บ้านเป็ด
ช่วงประมาณ 11.00 – 11.30 น. ได้พบกับร้อยเวรที่ทำคดีนี้และได้พูดคุยกันที่หน้าศาลาพิธีกรรม รพ.ศรีนครินทร์ ทางตำรวจแจ้งว่าได้มีการนำคู่กรณีมาตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ที่ รพ.ศรีนครินทร์ เช่นกัน
เช้าวันที่ 13 กันยายน 2567 ประมาณ 9.00 น. ตนกับเพื่อนได้เข้าไปที่ สภ.บ้านเป็ดเพื่อขอบันทึกประจำวัน แต่บันทึกประจำวันระบุว่า แฟนสาวขับรถไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนและเสียชีวิต ซึ่งไม่มีการระบุใด ๆ เกี่ยวกับรถชนแล้วหนี ตนจึงเกิดความสงสัยว่า สามารถลงบันทึกแบบนี้ได้ด้วยหรอ
วันที่ 16 กันยายน 2567 ตนกับพี่และลุงได้เข้าไปที่ สภ.บ้าน เรื่องการชดเชยเยียวยา และได้คุยกับตำรวจคู่กรณีว่า
บอย : ก่อนเกิดเหตุมาจากไหน
ตำรวจคู่กรณี : อยู่ สภ.ครับ
บอย : ชนแฟนผมตอนไหน
ตำรวจคู่กรณี : เกือบ 4 ทุ่มครับ
บอย : แล้วกลับถึงบ้านกี่ทุ่มครับ
ตำรวจคู่กรณี : เกือบเที่ยงคืนครับ เพราะผมไปบ้านแฟนก่อนกลับบ้าน
บอย : มาหาผู้กองที่ สภ.บ้านเป็ด กี่โมง
ตำรวจคู่กรณี : มาตอนเช้าช่วง 8 โมง ขับรถมาเอง
บอย : ผมมาถึง สภ.บ้านเป็ด เที่ยงคืนนิด ๆ แต่คุณรู้ว่าแฟนผมเสียชีวิตจากใครครับ ตอนเที่ยงคืน
ตำรวจคู่กรณี : จากผู้กองครับ
ต่อมาได้ทำการสอบถามกับทางผู้กอง และได้มีการสอบถามเกี่ยวกับการตรวจแอลกอฮอล์แล้วหรือยัง ซึ่งคำตอบที่ได้คือให้เป่าแล้ว ช่วงบ่าย 3 หลังจากวันที่เกิดเหตุ จากคำตอบนี้ทำให้เกิดความไม่เข้าใจว่าแล้วที่เจอกันก่อนหน้านี้บอกพามาตรวจที่ รพ. อย่างไรกันแน่
ยิ่งไปกว่านั้นคู่กรณีบอกว่าขับรถมามอบตัวเองตอน 8.00 น. สภ. นี้ไม่มีคนตรวจวัดแอลกอฮอล์เลยหรือ แต่กลับปล่อยให้เขากลับบ้านไปแบบหน้าตาเฉย และได้สอบถามผู้กองเพิ่มว่าวันที่เกิดเหตุตำรวจคู่กรณีได้ติดต่อผู้กองมาไหม ซึ่งผู้กองบอกว่าไม่มีการคุยกัน
ต่อมาในบันทึกประจำวันที่มาคุยในเรื่องค่าเสียหายของผู้เสียชีวิต ทางผู้กองไม่ยอมลงว่า คู่กรณีหลบหนีในบันทึกประจำวัน มันแปลกมาก จนต้องจี้ซ้ำ ๆ ถึงจะยอมพิมพ์ออกมา อยากทราบว่าคำว่าหลบหนีจากที่เกิดเหตุมันเป็นอะไร ทำไมถึงไม่ระบุลงไป และการคุยกันเรื่องค่าเสียหายจบด้วยการไม่ลงตัว และแจ้งว่าจะนัดมาคุยเดือนหน้าแต่กลับไม่ระบุวันที่
ตอนนี้ตนไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบ กลัวว่าครอบครัวแฟนที่เสียชีวิตจะไม่ได้รับความเป็นธรรม คิดว่า สภ. นี้แปลก ๆ เหมือนจะพยายามช่วยพวกเดียวกัน วอนสื่อต่าง ๆ ช่วยตนที ขอร้องจริง ๆ พร้อมทิ้งท้ายด้วยการติดแฮชแท็ก #ตำรวจชนแล้วหนี #กันจอมพลัง #โหนกระแส #อีจัน #สายไหมต้องรอด #สภบ้านเป็ดขอนแก่น #ไม่มีการตรวจแอล์กอฮอล์ตอนพบผู้ก่อเหตุ
สภ. บ้านเป็ด ยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุด
ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวโซเชียล ทางผู้สื่อข่าว ทีมข่าวสด ได้เดินทางไปลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ สภ.บ้านเป็ด ซึ่งก็ได้พบรถกระบะโตโยต้า รีโว่ 4 ประตู สีดำ ทะเบียนขอนแก่น ของตำรวจคู่กรณีจอดอยู่ที่หน้าโรงพัก
‘พ.ต.อ.ณรชต แก้วเพชร’ ผกก.สภ.บ้านเป็ด กล่าวว่า ได้แจ้งข้อกล่าวหากับ จ.ส.ต.ธนาธิป รัชโพธิ์ หรือ จ่าแซม ตำรวจคู่กรณี ในข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการตามกฎหมาย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนของการหลบหนีนั้น ต้องสอบปากคำจ่าแซมอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะในวันเกิดเหตุนั้นฝนตกประกอบกับเส้นทางมืด
“คำให้การเบื้องต้นของจ่าแซมนั้น บอกว่า ไม่ทราบว่าวันเกิดเหตุได้ไปชนใครหรือไม่ จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน ร้อยเวรเจ้าของคดีพบทะเบียนรถตกอยู่ที่เกิดเหตุ จึงโทรตามจ่าแซมมาที่โรงพัก ว่าใช่ทะเบียนรถของจ่าแซมหรือไม่ ซึ่งจ่าแซมก็รับว่าใช่ เป็นทะเบียนรถของตัวเองจริง และสอบปากคำรวมทั้งตรวจสอบร่องรอยที่รถ จึงแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวไป
และจะตรวจร่องรอยการชนจาก พฐ.ว่าตรงกับร่องรอยบนรถจักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีพฤติการหลบหนีต้องแจ้งข้อหาเพิ่มนส่วนของปริมาณแอลกอฮอล์นั้น ทางพนักงานสอบสวนตรวจวัดแล้ว แต่เนื่องจากในวันเกิดเหตุเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในจุดเกิดเหตุทำให้ไม่ได้เป่าวัดตั้งแต่แรก
กลับมาเป่าในวันต่อมาซึ่งต้องรอดูผลว่าจะสามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์แล้วขึ้นค่าวัดหรือไม่ หากไม่มีก็จะตรวจสอบพฤติการณ์ในวันเกิดเหตุว่ามีพฤติการดื่มสุราหรือไม่ และหากตรวจวัดปริมาณไม่เจอก็ยังไม่แจ้งข้อหาเกี่ยวกับเมาแล้วขับ แต่หากสอบสวนแล้วพบว่าน่าจะมีพฤติการมึนเมาจะแจ้งข้อหาเพิ่ม แต่ทั้งนี้ในส่วนของทางคดีนั้นยืนยันดำเนินการตามขั้นตอนไม่มีละเว้น”
ในขณะที่ฝั่งผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ยังติดใจในส่วนของบันทึกประจำวัน ตั้งแต่วันที่แจ้งความกับทางพนักงานสอบสวนว่ามีพฤติการณ์หลบหนีแต่ทางพนักงานสอบสวนไม่ลงให้ วันต่อมาคู่กรณีมามอบตัว เมื่อสอบถามตำรวจหลายคนก็บอกไม่ตรงกัน เมื่อพิจารณาจากคำกล่าวอ้างของจ่าแซมที่ว่า เดินทางมาโรงพักตอน 08.00 น. จึงเกิดความสงสัยว่าทำไมจึงไม่มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ไว้ทันที ซึ่งได้ทักท้วงไปกับทางพนักงานสอบสวนว่าต้องมีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และขอผลตรวจด้วย พร้อมทั้งขอทราบชื่อแพทย์ที่ตรวจด้วย แต่กลับไม่มีเอกสารเหล่านี้ให้
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ต้องการให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะคนเป็นตำรวจไม่ควรมีพฤติกรรมเช่นนี้ เพราะหากวันเกิดเหตุคู่กรณีอยู่ช่วยเหลือเหยื่อเองจนสุดความสามารถ ก็พอจะพูดคุยไกล่เกลี่ยได้ แต่ทางตำรวจกลับตำรวจชนแล้วหลบหนี
‘จ่าแซม’ ผู้ก่อเหตุ เคยมีประวัติถูกร้องเรียน
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2567 เคยเกิดกรณีเจ้าร้านหมูกระทะที่ตั้งอยู่ตรงข้าม สภ.บ้านเป็ด ต.บ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ร้องสื่อว่าถูก จ่าแซม ตำรวจป่วยจิตเวช ได้เข้ามาก่อกวนภายในร้านถึงสองครั้ง ทั้งยังมีคลิปเหตุการณ์หลักฐานที่เผยให้เห็นภาพของเจ้าของร้านกำลังด่าทอกับจ่าแซมที่อยู่ในอาการมึนเมาแล้วเอาแต่ตะโกนด่าทางร้านด้วย
ในขณะนั้นทาง พ.ต.อ.ณชรต แก้วเพชร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านเป็ด ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ประเสริฐ ตุ้มฉิม รองผู้กำกับการสอบสวนสภ.บ้านเป็ด ให้เป็นหัวหน้าชุดคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อพิจารณาถึงความผิดที่เกิดขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง