รีวิว “ถ้ำน้ำทะลุ” เขาสก เดินชมหินย้อย เช็กลิสต์เตรียมเที่ยวหน้าฝน

Tad Yungtonเผยแพร่: 07 Aug 2567 10:59 น.| อัปเดต: 07 Aug 2567 14:16 น.

279 1 minute read

รู้จักถ้ำน้ำทะลุ อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราฎร์ธานี แลนด์มาร์กห้ามหลาด ต้องเตรียมตัวยังไงก่อนไป

ถ้ำน้ำทะลุ หรือ ถ้ำน้ำหลุ ตั้งอยู่บริเวณ เขื่อนรัชชประภา หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ เขื่อนเชี่ยวหลาน ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขส. 4 (คลองแปะ) ประมาณ 3 กิโลเมตร โดยสามารถเดินทางไปถึงได้ด้วยเรือจากท่าเรือเขื่อนรัชชประภา ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

การเดินทางไปยังถ้ำน้ำทะลุ จะต้องใช้บริการเรือหางยาวจากท่าเรือต่าง ๆ ในบริเวณ เขื่อนเชี่ยวหลาน โดยส่วนใหญ่จะใช้ ท่าเรือเขื่อนรัชชประภา เป็นจุดเริ่มต้น การเดินทางโดยเรือใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับจุดขึ้นเรือและสภาพอากาศ

หลังจากนั่งเรือมาถึง คลองแปะ แล้ว จะต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จึงจะถึง ปากถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งมีขนาดกว้างใหญ่ถึง 30 เมตร ภายในถ้ำมีลำธารไหลผ่านตลอดความยาว 600 เมตร และมีหินงอกหินย้อย รวมทั้งโขดหินที่มีรูปทรงแปลกตาเกิดจากการกัดเซาะของน้ำ

อีกหนึ่งเส้นทาง ที่สามารถเดินทางไปถึงถ้ำน้ำทะลุได้ คือ การเดินเท้าจาก กิโลเมตรที่ 99 เข้าไปในป่าประมาณ 12 กิโลเมตร เส้นทางนี้เหมาะสำหรับนักเดินป่าที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

จุดเด่นถ้ำน้ำทะลุ ไม่ควรพลาด

ไฮไลท์สำคัญคือเส้นทางลอดถ้ำที่ท้าทายนักท่องเที่ยวและความสวยงามของธรรมชาติใต้น้ำ ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายของนักผจญภัยสายธรรมชาติและสายลุย ตัวถ้ำมีความมืดมิดและความเย็นชื่น มีหินงอกหินย้อยตลอดทาง นอกจากนี้ยังมีสัตว์น้ำอีกหลายชนิด และรายล้อมไปด้วยป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตสัตว์ป่ามากมาย

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเดินลอดถ้ำน้ำทะลุนั้นเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ความสวยงามของธรรมชาติภายในถ้ำทำให้ความเหนื่อยล้าหายไป และเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากที่ทำให้หลายคนประทับใจและอยากกลับมาอีกครั้ง

ป้ายทางเข้าถ้ำน้ำทะลุ — ภาพจากเฟซบุ๊ก: อุทยานแห่งชาติเขาสก – Khao Sok National Park

เที่ยวถ้ำน้ำทะลุหน้าไหนสวยที่สุด

หน้าหนาว เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเที่ยวป่าและสำรวจถ้ำ อากาศเย็นสบาย ช่วยลดความร้อนและความชื้น ทำให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยล้ามากนัก นอกจากนี้ น้ำตกต่างๆ ในช่วงนี้ก็มีความสวยงามเป็นพิเศษ น้ำใสไหลเย็น เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจและชาร์จพลัง

หน้าร้อน มีนาคม-พฤษภาคม เป็นช่วงท่อากาศภายในถ้ำจะเย็นสบายกว่าภายนอก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลบร้อนและพักผ่อน ความชื้นในอากาศที่สูง ทำให้หินงอกหินย้อยภายในถ้ำมีความสวยงามและมีสีสันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรเตรียมตัวให้พร้อม เช่น ผ้าขนหนู น้ำดื่ม และรองเท้าที่เหมาะสม เนื่องจากอาจพบสัตว์เลื้อยคลานอาศัยอยู่ภายในถ้ำ

ฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายน – ตุลาคม) ภายนอกถ้ำจะเต็มไปด้วยพืชพรรณที่เขียวชอุ่ม สวยงาม น้ำตกต่างๆ จะมีน้ำมากและสวยงาม
แต่ต้องระวังทางเดินลื่นทางเดินเข้าถ้ำอาจลื่นจากน้ำฝน ควรสวมรองเท้าที่เหมาะสม หากมีฝนตกหนัก ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในถ้ำที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อน้ำป่าไหลหลาก

ชมความงามถ้ำหน้าฝน ควรระวัง

การเที่ยวถ้ำในฤดูฝนแม้จะน่าสนใจ แต่ก็มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาและสภาพภูมิประเทศภายในถ้ำที่อาจเกิดอันตรายได้ง่าย ดังนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยของตัวนักท่องเที่ยวเอง

ดังเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับไกด์นำเที่ยว ที่เสียชีวิตในถ้ำตามรายงานข่าววันที่ 6 ส.ค. 2567 เหตุจากฝนตกหนัก น้ำป่าซัดไหลเข้าท่วมถ้ำน้ำทะลุ เป็นตัวอย่างที่เตือนให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการเดินทางเข้าไปในถ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนที่สภาพอากาศและสภาพแวดล้อมภายในถ้ำมีความแปรปรวน

ถ้ำน้ำทะลุ เคยเผชิญเหตุการณ์สลดเมื่อปี 2550 เมื่อน้ำป่าซัดกระทันหัน ทำให้มีนักท่องเที่ยวและไกด์เสียชีวิตถึง 7 คน เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญที่เตือนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากธรรมชาติ