ไลฟ์สไตล์

เคล็ดลับ “ชีวิตคิดบวก ยิ้มได้ทุกวัน” หนทางสู่ความสุขในชีวิต ที่เพียงปรับ โลกก็เปลี่ยน

เพียงปรับ โลกก็เปลี่ยน มัดรวมทริคง่าย ๆ ที่จะช่วยให้ทุกวันของคุณเป็นวันที่ดี และมีแต่รอยยิ้ม

“รอยยิ้ม” สัญลักษณ์ที่ใช้แทนความสุขและความสนุกสนาน เมื่อใดที่มีรอยยิ้มนั่นจึงความหมายว่า เรากำลังมีความสุข และตราบใดที่เรามีความสุข สิ่งต่าง ๆ รอบตัวก็ดูเหมือนจะถูกมองผ่านฟิลเตอร์สีสันสดใส ทำให้เมื่อต้องเผชิญอุปสรรคหรือเรื่องเลวร้ายเพียงใด บุคคลผู้นั้นก็จะยังคงก้าวต่อไปได้ ซึ่งนั่นก็คือคำนิยามของวลีฮิตที่ว่า “พลังแห่งรอยยิ้ม” ที่อธิบายให้เห็นภาพความสัมพันธ์กันระหว่าง ‘รอยยิ้ม’ กับ ‘ความสุข’ ที่มักเกิดขึ้นเคียงคู่กันไป

แม้ทุกคนจะทราบดีว่า รอยยิ้มเป็นสิ่งดี ๆ ที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกปริ่มสุข และเมื่อยิ่งยิ้มความสุขที่เกิดขึ้นก็จะทบเท่าทวีคูณมากขึ้น ทั้งกับตัวเราเองและกับผู้รับ แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะมีรอยยิ้มประดับไว้บนใบหน้าในทุก ๆ วัน เช่นนั้นแล้วทุกคนจึงอาจสงสัยว่า ควรจะเริ่มต้นอย่างไรให้ ยิ้มได้ทุกวัน วันนี้ทาง Thaiger ได้หาคำตอบมาให้ทุกท่านแล้ว

มีความสุขกับชีวิต

พลังแห่งรอยยิ้มและการคิดบวก

รอยยิ้ม นับเป็นภาษากายสากลที่ทุกคนเข้าใจ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน พูดภาษาอะไร รอยยิ้มก็สามารถสร้างมิตรภาพ บ่งบอกถึงความเป็นมิตร และสร้างความรู้สึกดีให้กับผู้คนรอบข้าง

การคิดบวก มีความหมายเดียวกับคำว่า การมองโลกในแง่ดี ซึ่งก็คือการมองหาโอกาสที่เกิดขึ้นท่ามกลางอุปสรรคที่สุดหิน เมื่อใดที่พยายามคิดถึงสิ่งดี ๆ เรื่องราวที่กำลังเผชิญอยู่ก็อาจจะไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่คาดคิดไว้ในตอนแรก ทั้งยังช่วยสร้างแรงใจในการเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้น และไม่แน่ว่าในท้ายที่สุดเหตุการณ์เลวร้ายอาจจบลงในแบบมีรอยยิ้มประดับอยูด้วยก็ได้

ดังนั้นแล้วจึงอาจกล่าวได้ว่า การคิดบวกเกิดขี้นควบคู่ไปกับการมีรอยยิ้มนั่นเอง

หนทางสู่ “การคิดบวก ยิ้มได้ทุกวัน”

ล้วงลึกเคล็ดลับที่ไม่ลับสู่การเป็นคนคิดบวกที่มีแต่รอยยิ้มในทุกวัน แม้อาจจะฟังดูยาก เพราะชีวิตของเรานั้นไม่เคยง่าย แต่เชื่อเถอะว่าหากคุณลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตาม 5 วิธีง่าย ๆ ดังนี้ ไม่ว่าจะเรื่องหนักหนาเพียงใด รอยยิ้มและความสุขจะอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ

1. ฝึกมองหาสิ่งดี ๆ รอบตัว

คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการมองหาสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว โดยไม่มองข้ามแม้กระทั่งสิ่งเล็ก ๆ ก็ตาม เพราะบรรดาสิ่งเล็กน้อยที่คุณอาจเคยมองข้าม แต่เมื่อนำมาพิจารณามองเป็นภาพรวม คุณจะพบว่าชีวิตของคนเรามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมากมาย

อย่างไรก็ดี สิ่งดี ๆ รอบตัวที่หมายถึง ณ ที่นี้ ได้รวมไปถึงการเกิดขึ้นของสิ่งเล็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการได้พบเจอสัตว์ที่ชอบในระหว่างทางกลับบ้าน การได้ลิ้มรสของอร่อย การได้เห็นผู้คนรอบตัวยิ้มแย้ม หรือแสดงความรักต่อกัน รวมถึงไปการได้กลับมาทำงาน-พบปะเพื่อนร่วมกัน หลังจากหยุดพักผ่อนในช่วงเสาร์-อาทิตย์

กินของอร่อย

2. มองหาแง่มุมดี ๆ จากสิ่งที่เกิดขึ้น

สิ่งนี้มีความแตกต่างไปจากการฝึกมองหาสิ่งดี ๆ รอบตัว ในแง่มุมที่ว่าจะออกไปในทางปรับเปลี่ยนมุมที่ใช้มองทุก ๆ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะเป็นการเผชิญปัญหาก็ตาม ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้บุคคลคนนั้นสามารถก้าวข้ามผ่านเรื่องราวทุกข์ระทมได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และมีความกระตือรือร้นที่จะไขว่คว้าหาเรื่องที่เป็นสุขมาฟื้นฟูสภาพจิตใจ

วิธีการนี้สามารถทำได้โดยการไตร่ตรองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้บทเรียนอะไรแก่ชีวิต และแน่นอนว่าหากในอนาคตเกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นอีก ตัวเราก็จะสามารถเอาชนะมัน โดยไม่ต้องเจ็บปวด และวันนั้นความภาคภูมิใจก็จะนำมาสู่เรา

3. ชื่นชมตัวเอง

การชื่นชมตัวเอง นับเป็นวิธีการที่ได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเมื่อใดที่เกิดการกล่าวชมตัวเอง นั่นก็หมายความว่า เรารู้สึกภาคภูมิใจกับสิ่งที่ทำลงไป หรืออาจเป็นในแง่ที่เรารับรู้ว่าสิ่งนั้นได้สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นและตนเองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ในขณะเดียวกันหลายคนอาจสงสัยว่า หากสุดท้ายแล้ว การกระทำของเรากลับไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อใครเลย แต่อย่างน้อยก็พึงระลึกไว้เสมอว่า การกระทำสิ่งใดจนเสร็จลุล่วง นั่นก็ถือเป็นความสำเร็จที่ควรค่าแก่การชื่นชมตนเองเช่นกัน

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำลงไปจำเป็นต้องอยู่บนศีลธรรม และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

การชื่นชมตัวเอง

4. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร

คำว่า “สภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร” หมายถึง การพาตัวเองเข้าไปใกล้ชิดกับคนคิดบวก หรือคนที่มองโลกในแง่ดี ซึ่งการทำสิ่งนี้จะช่วยเปลี่ยนทัศคติต่อการมองโลกของคุณ และสำหรับผู้ที่กำลังพยายามปรับมุมการมองให้ดีขึ้น การรายล้อมไปด้วยผู้คนที่คิดบวกจะทำให้ทัศนคติของคุณเปลี่ยนไปได้เร็วยิ่งขึ้น

5. ทำกิจกรรมที่ชอบ

ถือเป็นการเลือกทำในที่สิ่งตนเองเชื่อว่าจะสามารถจรรโลงใจเราได้ กล่าวคือ เป็นช่วงเวลาแห่งการปลดปล่อยตนเอง ให้เวลาตนเองได้เพลิดเพลินไปกับความสุขอย่างเต็มที่ ปราศจากข้อกังวลใด ๆ เพราะเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นสิ่งที่ชอบแล้ว ทุก ๆ ครังที่ลงมือทำก็จะนำความสุขมาให้ชีวิต

ท่ามกลางสิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่หมุนเวียนและเกิดขึ้น-จบลงอย่างรวดเร็ว การปล่อยให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าลง โดยการแวะมองข้างทางหรือเพลิดเพลินไปกับสิ่งจรรโลงบ้าง แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องผิด ทั้งยังอาจสร้างความสุขได้มากมายเกินคาดคิดด้วยซ้ำ

ทำกิจกรรมที่ชอบ

ผลลัพธ์แห่งการเปลี่ยนแปลง

เมื่อคุณมีแต่รอยยิ้มและเปิดโอกาสให้ตนเองมีความสุขกับทุกสิ่ง พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลต่อชีวิตของคุณ

ความสัมพันธ์

หากบนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มและในความคิดมีแต่เรื่องดี ๆ ความสัมพันธ์ของคุณกับผู้คนรอบข้างก็จนดีขึ้นด้วย นั่นยังรวมไปถึงยังจะช่วยถักทอมิตรภาพระหว่างคุณกับผู้คนนั้น ๆ แน่นแฟ้นขึ้นด้วย

สุขภาพ

ตราบใดที่ชีวิตมีแต่ความสุข สุขภาพรกายและสุขภาพใจก็จะดีขึ้นตามไปด้วย เพราะความสุขจะช่วยให้คุณผ่อนคลาย ลดความตรึงเครียดในชีวิต

ความสำเร็จ

ความสุขนั้นมีพลังมากกว่าที่คุณคิด เมื่อใดที่คุณรู้สึกเป็นสุข มวลความรู้สึกเหล่านั้นจะทำให้คุณมีแรงจูงใจ มีความมุ่งมั่น กล้าหาญที่จะมองหาโอกาส อันจพนำไปสู่การประสบความสำเร็จในชีวิต

ประสบความสำเร็จ

เพียงเท่านี้ชีวิตที่เคยไร้สีสีนก็จะมีแต่ความสุขในทุก ๆ วัน และพึงระลึกไว้เสมอว่า “ชีวิตคิดบวก ยิ้มได้ทุกวัน” ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องมีความสุขตลอดเวลา แต่เป็นการยอมรับในสิ่งที่ดีเกิดขึ้น และไม่ลืมที่จะไขว่คว้าหาโอกาสสร้างความสุขให้ตนเอง

สุดท้ายนี้ หวังว่านับแต่วันนี้ผู้อ่านทุกท่านจะเริ่มต้นฝึกคิดบวก ยิ้มให้บ่อยขึ้น และไม่หลงลืมที่จะมีความสุขกับทุกสิ่งชีวิต

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Danita S.

นักเขียนบทความไลฟ์สไตล์ บันเทิง ประจำ Thaiger ติดตามทุกกระแส K-Pop และเท่าทันทุกเรื่องราวความบันเทิง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 3 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ช่องทางติดต่อ bell@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button