ข่าวข่าวการเมือง

คดีหุ้นสื่อ ‘พิธา’ ชี้ชะตาคืนเก้าอี้ สส. ทำไมหลายเสียงฟันธง โอกาสรอดสูง

ตัดสินคดีหุ้นสื่อ ITV ชี้ชะตาการเมือง พิธา พรรคก้าวไกล นักวิเคราะห์มองโอกาสรอดมากกว่าร่วง ถ้าใช้บรรทัดฐานเดียวกับคดีฝ่ายรัฐบาลเคยเจอ ผลวินิจฉัยวันนี้รู้แน่ ไอทีวีเป็นสื่อหรือไม่

จากกรณีที่วันนี้ (24 ม.ค.67) ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีการอ่านผลคำวินิจฉัย คดีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลครอบงำสื่อจริงหรือไม่ หลังจากถูกสั่งระงับการทำหน้าที่สมาชิกสถาผู้แทนราษฎร์ (สส.) ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.2566 นับแต่วันที่ศาลมีมติรับคำร้องคดีถือหุ้นไอทีวี ไว้พิจารณา

ก่อนหน้านี้ พรรคก้าวไกล เคยอัดคลิปเปิดข้อมูลคดีหุ้นสื่อ พร้อมกับตั้งคำถามว่า ทำไมพิธาจะได้กลับเข้าสภา 24 มกราคมนี้ โดยประเด็นหลัก ๆ มีอยู่ 6 ข้อด้วยกันที่ทาง ก.ก. อ้างว่า จะทำให้อดีตหัวหน้าพรรควัย 48 ปี รอดพ้นจากการถูกศาลรธน. สั่งฟันเอาผิดในข้อหาดังกล่าวที่จะมีการอ่านคำวินิจฉัยวันนี้ ในเวลาบ่าย 2 โมงตรง

หากเลือกตั้งวันนี้
แฟ้มภาพ

6 ข้อที่ ก้าวไกล ระบุ ทำไม พิธา ได้กลับเข้าสภา 24 ม.ค.นี้

1. ITV ไม่ใช่สื่อ

2. ไม่มีใบอนุญาตคลื่นความถี่ ภายหลังมีการออก พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ก่อให้เกิดสถานี Thai PBS ส่งผลให้ ITV ต้องเลิกประกอบกิจการโทรทัศน์ แถมยังมีคดีพิพาทเกี่ยวกับค่าเสียหายในศาลปกครองกับทางรัฐบาลไทยด้วย

3. ITV ไม่มีใบอนุญาต โดย คิมห์ สิริทวีชัย ประธานการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ยืนยันต่อศาลว่า ไอทีวีไม่มีพนักงาน ไม่มีรายได้จากการทำสื่อ ไม่มีการทำสื่อและยังไม่มีแผนจะทำสื่อ และถ้ายึดตามคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ หากไม่มีรายได้จากการทำสื่อ ก็ไม่ถือเป็นสื่อ

4. ไม่มีรายได้จากการทำสื่อ

5. พิธา ถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก

6. ถ้าพิธาถือหุ้นจริงๆ ก็ถือเพียง 0.00348% ศาลปกครองสูงสุดเคยชี้ว่า ไอทีวี ไม่ปรากฏหลักฐานการดำเนินการสื่อวิทยุโทรทัศน์แล้ว หรือต่อให้สมมติว่าเป็นสื่อมวลชนจริง พิธา ก็มีหลักฐานว่า ไม่ได้ครอบครองหุ้นตั้งแต่วันที่สมัคร สส. คือ ตั้งแต่ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ตอนที่เข้าเป็น สส. ในปี 2562 พิธา แจ้งชัดเจนว่า ถือหุ้นนี้เพียงในฐานะผู้จัดการมรดกของบิดาที่เสียชีวิตไป

หรือต่อให้ศาลมองว่าเป็นการถือหุ้นสื่อจริง แต่ก็มีสัดส่วนเพียง 0.00348% เท่านั้น ไม่สามารถครอบงำสั่งการให้ทำการใด ๆ หรือไม่ทำการใด ๆ ได้

โหวตนายกรอบ2 พิธา กอด สส 2566
AP Photo/Sakchai Lalit

อ.ปริญญา วิเคราะห์ ถ้าบรรทัดฐานเดียวกัน “พิธา” ต้องรอด

ประเด็นทิศทางการอ่านผลคำวินิจฉัยในคดีหุ้นสื่อไอทีวีของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือว่าหลายฝ่ายจับมามองกันอย่างใกล้ชิด โดยก่อนจะมีการอ่านคำวินิจฉัยในเวลา 14.00 น. บนสื่อโซเชียลก็มีการออกมาตั้งคำถามถึงโอกาสรอด-ร่วง เช่นเดีนยวกับกลุ่มนักวิชาการหลายคน ที่ออกมาวิจารณ์เรื่องนี้

อาทิ อาจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ให้สัมภาษณ์รายการเปิดปากกับภาคภูมิ วานนี้ (23 ม.ค.) ระบุ กรณีของพิธา หากเปรียบเทียบกับเคสที่คล้าย ๆ กัน แต่ตอนนั้นเป็นฝ่าย สส.ของรัฐบาลที่เจอข้อหาเดียวกัน สุดท้ายศาลยกคำร้องทั้งหมด

อาจารย์ปริญญา เปิดปากกับภาคภูมิ
อ.ปริญญา แฟ้มภาพ

อาจารย์ประจำ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวโดยยกข้อมูลหลังการตรวจสอบนังสือชี้แจงผู้ถือหุ้น คำชี้แจงจริง ๆ คือไม่ได้มีดเจตนาจะสื่อสารว่าไอทีวีเป็นสื่ออยู่ แล้วก็มีวัตถุประสงค์ตามที่จดทะเบียนการค้าไว้ ซึ่งก็เป็นเอกสารไอทีวีเองที่ชี้แจงออกมา สรุป ที่บอกว่ายังดำเนินกิจการอยู่ก็เป็นอันจบไป

ฉะนั้นถามว่า ไอทีวียังเป็นสื่ออยู่ไหม ในเมื่อชี้แจงแล้วว่าไม่มีการดำเนินการใด ๆ เพราะไม่ทำมา 16 ปี ตัวคลื่นคืนไปแล้วเป็นของไทยพีบีเอส และหากยึดตามคำชี้แจงของประธานในการประชุมผู้ถือหุ้นฯ ก็คือ “ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ”

อย่างไรก็ดี อ.ปริญญา ตั้งข้อสังเกตต้องจับตาเรื่องที่มีรายงานงบการเงินไตรมาสแรก มีการระบุว่า “ไอทีวี” มีการทำสื่อโฆษณา แต่ไม่มีรายงานตัวเลขรายได้ และตรงนี้เองเป็นเหตุผลให้ผู้ถูกร้อง คือ นายพิธา ได้เชิญ คิมห์ สิริทวีชัย ประธานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ITV ปี 66 ไปเป็นพยานในฐานะฝ่ายผู้ถูกร้อง

โหวตนายกรอบ2 พิธา กอด สส แคนดิเดตนายก
AP Photo/Sakchai Lalit

นอกจากนี้ นักวิชาการแขกรับเชิญ ยังกล่าวต่อว่า เคสตัดสินคดีพิธานี้ ถ้าใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับสส. ฝ่ายรัฐบาล เมื่อครั้งถูกร้องเรียนในคดีเดียวกัน คือ “การถือหุ้นสื่อ” สรุปครั้งนั้นมีบุคคลถูกร้อง 29 ราย ศาล รธน. ก็ยกคำร้องทุกคน แม้จะมีวัตถุประสงค์ว่าทำสื่อ แต่หาได้มีการประกอบกิจการสื่อแต่อย่างใด อีกทั้งงบการเงินก็ไม่ปรากฏมีรายได้จากสื่อ ดังนั้น อ.ปริญญาจึงสรุปว่า หากเอาบรรทัดฐานเดียวกันนี้มาใช้กับเคสไอทีวี ก็แปลว่า “ไอทีวีไม่ใช่สื่อ” เว้นแต่ไม่ทราบได้ว่ามีการแอบไปทำโฆษณาอื่นอีกหรือไม่

ขณะเดียวกัน เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ผู้ที่เคยร้องเรียนคดีหุ้นไอทีวีของนายพิธา จนนำมาสู่การตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว ก็ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับPPTV โดยบอกว่า ตนเค่อนข้างเชื่อว่า นายพิธาจะรอดคดีหุ้นสื่อและได้กลับเข้าสู่สภา.

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button