โหนกระแส เฉลยคดีฆ่า “ป้าบัวผัน” ตกลงนักข่าวหรือตำรวจไปเจอคลิปก่อน
รายการโหนกระแส สัมภาษณ์ ณัฐดนัย นักข่าวช่อง 8 คุ้ยเบาะแสจนเจอหลักฐานสำคัญ กล้องวงจรปิดพลิกคดีจากผัวฆ่าเมีย เป็นกลุ่มวัยรุ่น 5 ทรชน ร่วมกันก่อคดีโหด ตอบชัดใครไปเจอคลิปก่อน อัยการลั่นถ้าตำรวจเจอก่อนไม่มีวันพาไปชี้ที่เกิดเหตุ
วันที่ 16 ม.ค.2567 รายการโหนกระแส ได้โฟนอินสัมภาษณ์กับ นายณัฐดนัย นะราช ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเป็นคนไปพบกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุจนเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ช่วยไขคดี ทำให้นายปัญญา หรือ “ลุงเปี๊ยก” สามีผู้ตายที่สมอ้างว่าเป็นคนลงมือฆ่าเมียตัวเอง แต่ต่อมาเมื่อนักข่าวไปไล่เช็กคลิปจากกล้องวงจรปิด โดยค่อย ๆ ไล่ไทม์ไลน์เวลาช่วงที่เกิดเหตุ จึงพบข้อเท็จจริงผู้ก่อเหตุเป็น “เยาวชน” ก๊วนโจ๋ 5 ราย อายุตั้งแต่ 13 -16 ปี ที่กำลังโดนสังคมรุมประณามอย่างหนัก
ณัฐดนัย กล่าวว่า ตนเริ่มสงสัยหลังกลับไปที่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดแรก โดยตรวจสอบกล้องวงจรปิดหลายจุด ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 11 ม.ค. ถึงเวลา 06.00 น. วันที่ 12 ม.ค.67 ก็ไม่ปรากฏภาพนายปัญญามาทิ้งเสื้อ จึงเริ่มเอะใจ
ต่อมาในวันที่ไปทำแผนจุดที่ 2 บริเวณข้างโรงพยบาลอรัญประเทศ ที่ลุงไปทำแผนแล้วบอกว่ามีปากเสียงกัน จึงไปดูว่าลุงทะเลาะกับป้าผู้ตายตรงไหน เริ่มไล่ภาพจากกล้องกับทีมงานและช่างภาพที่ช่วยกัน แต่พอไปเช็กปรากฎไม่เห็นภาพลุงเลย
นักข่าวผู้เป็นสารตั้งต้นในการเปิดเผยข้อเท็จจริงของคดีป้าบัวผันเสียชีวิต ยังระบุ จากที่ไปไล่กล้องวงจรปิดจะเห็นชัดเลยว่ากลุ่มวัยรุ่นไม่ได้บังเอิญมาเจอป้า แต่ตั้งใจพุ่งเป้ามาทำร้ายผู้ตายโดยตรง ดูไปเรื่อย ๆ ก็เกิดคาใจที่ไปลุงปัญญาไปทำแผนตอนเช้าเล่าได้เป็นฉาก ๆ ทำไมไม่มีลุงสามีผู้ตายที่สมอ้างเป็นคนลงมือเลย
จากนั้นนักข่าวเล่าว่า ตนจึงมาปรึกษากับทีมงานสงสัยผู้ก่อเหตุ น่าจะไม่ใช่ตัวจริง และได้ปรึกษาบรรณาธิการจนมีการนำคลิปมาเผยแพร่ให้กับสังคมในที่สุด
หนุ่ม กรรชัย ยังไม่เลิกสงสัย เปิดประเด็นที่มีกระแสวิจารณ์ว่า ตำรวจได้กล้องมาก่อนนักข่าวนั้น เหยี่วข่าวจากช่อง 8 ก็ตอบตามตรง ตนเองก็ดีใจหากตำรวจยืนยันว่าได้หลักฐานกล้องวงจรปิดนี้มาก่อน เพราะแสดงว่าเจ้าหน้าที่เห็นหลักฐานก่อน แต่ตนติดใจแค่ว่าได้หลักฐานแล้ว ทำไมปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์เข้าสู่กระบวนการฝากขังแบบนั้น
ผู้สื่อข่าวระบุต่อว่า ได้ภาพจากกล้องฯ เมื่อวันที่ 13 ม.ค.67 เวลาประมาณ 4-5 โมงเย็น ถึงตรงนี้ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ในฐานะอัยการอาวุโส ก็กล่าวเสริมโดยเป็นการฟันธง ประเด็นนี้ ถ้าตำรวจเห็นก่อนจะไม่มีการพาไปชี้ที่เกิดเหตุแน่นอน
ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงในวันทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ได้พาตัวนายเปี๊ยก สามีนางสาวบัวผันผู้ตายไปทำแผนช่วงเช้าของวันที่ 13 ม.ค. หลังจากนั้นนักข่าวไปไล่วงจรปิด กระทั่งได้กล้องมาครบประมาณ 5 โมงเย็น โดยหลังจากได้หลักฐานมายังไม่ได้ส่งให้ตร. จนทราบวันถัมาว่าเจ้าหน้าที่ได้คลิปกล้องไปแล้วเช่นกัน จึงไม่ได้มีการส่งหลักฐานชิ้นนี้ให้ แต่ทราบว่าชุดสืบสวนเข้าไปเอากล้องวงจรปิดตอนประมาณ 4 ทุ่ม
ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ที่ตอนนี้ก็ยังกาะติดความคืบหน้าของคดีอยู่ในพื้นที่ ยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมดที่ทำไม่ได้มีเจตนาจะโจมตีใคร แค่มองไปที่การอยากช่วยคนตายและคนที่ไม่ได้ทำความผิดจริง ๆ เท่านั้น
ส่วนกระแสที่มีนายตำรวจรายหนึ่งออกมากล่าวว่ามีสื่อช่องหนึ่งออกมาปั่น ว่าไปได้คลิปกล้องมาก่อน ทำให้เป็นประเด็นในสังคม เรื่องนี้ไม่รู้สึกเสียใจอะไรกับประเด็นนี้ เพราะจะได้คลิปก่อนหรือได้มาทีหลัง ไม่ใช่สาระสำคัญเท่ากับการเปิดภาพตรงนั้นมาให้สังคมได้เห็น.