Opinoin : เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา จากกรณีข่าวฝั่งนอนอาบแดดในสถานที่ท่องเที่ยวไทย ใกล้วัดวาอาราม เนื่องจากมีการแชร์ภาพนักท่องเที่ยวต่างชาตินอนอาบแดดในชุดกางเกงขาสั้น ที่สนามหลวงใกล้วัดพระแก้ว และอีกกรณีที่นอนอาบแดดบริเวณสนามหญ้า ข้างพระวิหาร และข้างพระเจดีย์เก่าแก่ของวัดเชียงมั่น ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นั้น
ส่งผลให้ชาวไทยบางส่วนมองว่าเป็นการไม่เหมาะสม เนื่องจากสนามหลวงและวัดเชียงมั่นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธ
อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีชาวเน็ตบางส่วนออกมาปรามคนไทยด้วยกันเองว่า วัฒนธรรมการอาบแดดของชาวตะวันตกนั้น ไม่ได้ถือเป็นเรื่องไม่ดี ไม่ได้แสดงถึงการไม่เคารพสถานที่ ชาวต่างชาตินิยอาบแดดกันแพร่หลาย
เรื่องนี้ปัญหาอยู่ที่ยืนมองกันคนละมุม เป็นความต่างของวัฒนธรรม ถ้ารู้สึกไม่พอใจ ควรตักเตือนนักท่องเที่ยวอย่างสุภาพ อธิบายให้เข้าใจถึงวัฒนธรรมไทย ไม่ใช่การเข้าไปก่นด่าตำหนิ
อาบแดด วัฒนธรรมฝรั่งเมืองหนาว ไม่ใช่เรื่องไม่ดี
จริงๆ แล้ว การอาบแดดถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายและได้รับความนิยมอย่างมากของฝรั่งที่มาเที่ยวเมืองไทย เนื่องจากบ้านเกิดชาวตะวันตกเป็นเมืองหนาว มีฤดูแดดน้อย การอาบแดดช่วยให้ได้รับวิตามินดี มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ เช่น เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคมะเร็งบางชนิด และช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน อีกด้วย
นอกจากนี้ ชาวตะวันตกยังมองว่าการอาบแดดเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายและสนุกสนาน เป็นการใช้เวลาว่างอย่างมีคุณภาพ ชาวตะวันตกจึงนิยมอาบแดดตามสถานที่ต่างๆ ทั่วไป เช่น ชายหาด สวนสาธารณะ สระว่ายน้ำ และแม้แต่บนดาดฟ้าบ้าน ป็นเรื่องปกติ
กรณีของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นอนอาบแดดที่สนามหลวงและวัดเชียงมั่นนั้น มองว่าอาจเกิดจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัฒนธรรมการอาบแดดของชาวตะวันตก ชาวต่างชาติอาจไม่ทราบถึงความเหมาะสมของการอาบแดดในที่สาธารณะที่มีผู้คนหลากหลายวัฒนธรรมอยู่ร่วมกัน รวมไปถึงไม่เข้าใจถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของศาสนาพุทธ
ดังนั้น หากต้องการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าใจถึงวัฒนธรรมไทยมากขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับทราบอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเองก็ควรศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศที่ตนเดินทางไปท่องเที่ยว เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำที่ไม่เหมาะสม.
