‘หมอ’ โอด เงินเดือน 2.2 แสน อยู่ไทย ไม่พอซื้อคุณภาพชีวิตดี อยากย้ายประเทศ
หมอโพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊ก ระบายความอัดอั้นตันใจ อยากย้ายประเทศ แม้มีเงินเดือน 2.2 แสนบาทต่อเดือน ก็ยังไม่เพียงพอที่จะได้คุณภาพชีวิตที่ดีในไทย เนื่องด้วยรัฐไม่มีสวัสดิการสนับสนุน พร้อมดีใจกับคนที่ย้ายประเทศสำเร็จ
เรื่องเงินเดือนเป็นที่ถกเถียงมานานแล้วว่าต้องได้ขั้นต่ำเท่าไหร่ถึงจะพอเพียงดำรงชีวิตไทย แพทย์เฉพาะทางรายหนึ่ง ได้โพสต์ระบายในกลุ่มเฟซบุ๊ก “โยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย” เล่าว่า ตนอยากย้ายประเทศมาก แม้จะได้รับเงินเดือนกว่า 2 แสนบาทต่อเดือน วางแผนการเงินอย่างดี ทั้งค่าเทอมลูก ประกัน ออมเพื่อลงทุน ค่าบ้าน-รถ ก็ยังไม่สามารถซื้อคุณภาพชีวิตดี ๆ ในประเทศไทยได้ เพราะภาครัฐไม่มีสวัสดิการสนับสนุนประชาชนอย่างแท้จริง
คุณหมอเจ้าของเรื่องได้โพสต์ด้วยข้อความว่า “เราอยากย้ายประเทศมาก ๆ อยากเปิดโอกาสให้ตัวเองดู ที่ไหนก็ได้ที่อาจไปได้ ติดอย่างเดียวคือภรรยาไม่เอาด้วยเลย เขาไม่อยากไป เราเลือกเค้าแล้วก็ต้องอยู่ด้วยกันไป แต่เรามองชีวิตทุกวันนี้แล้วเราซึม ๆ ยังไงไม่รู้ รู้สึกแค่ว่าทํางานเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอที่จะได้คุณภาพชีวิตที่ดี
เราเป็นแพทย์เฉพาะทาง รายได้ประมาณ 2.2 แสนบาทต่อเดือน มีลูก 1 คน ภรรยาที่ลาออกมาเลี้ยงดูลูกแบบเต็มเวลา แต่พอแจกแจงรายละเอียดต่อเดือนแล้ว เราแทบไม่เหลือเงินพอต่อเดือนที่จะทําตามฝันตัวเองได้ โดยเจ้าตัวได้เผยรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่อเดือน ดังนี้
- ค่าบ้าน 40,000 ต่อเดือน
- ค่ารถ 13,000 ต่อเดือน
- ค่าเงินเดือนภรรยา 30,000 ต่อเดือน (เราตั้งใจให้เลย เพราะงานดูแลลูก+บ้าน เราคิดว่าเหนื่อยมาก)
- ค่าประกันลูก+รถ+ชีวิต 20,000 ต่อเดือน
- ค่าลดหย่อนภาษี 30,000 ต่อเดือน
- ค่าเทอมลูกในอนาคต 25,000 ต่อเดือน (เตรียมวางแผนให้ลูกเรียน English Program ในโรงเรียนเอกชน)
- ค่าใช้จ่ายกองกลางในบ้าน 20,000 ต่อเดือน
- เงินใช้จ่ายส่วนตัว 15,000 ต่อเดือน
- เงินออมส่วนตัว 15,000 ต่อเดือน
- ภาษีที่ต้องจ่ายต่อปี ประมาณ 60,000 บาท
เราโชคดีที่พ่อแม่ไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย ท่านดูแล ตัวเองได้ เราประหยัด ใช้รถไม่แพง ไม่มีของแบรนเนม เลิกคิดเรื่อง ไปเที่ยวไกล ๆ เพราะว่าต้องดูแลครอบครัวก่อน เราเชื่อว่านี่เป็นค่าใช้จ่ายที่ทุกคนจะต้องเจอ เรารู้สึกว่าประเทศเราไม่มีสวัสดิการใด ๆ จะมาสนับสนุนหรือช่วยเราให้ชีวิตง่ายขึ้นคุ้มกับภาษีที่เสียไปเลย
ทั้งนี้ เจ้าตัวยังได้แจกแจงเหตุผลเป็นข้อ ๆ ในการอธิบายว่าการไม่มีสวัสดิการคอยซัพพอร์ตนั้น ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของคุณหมออย่างไรบ้าง
- เราต้องเสียเวลาที่จะอยู่กับครอบครัวไปบนท้องถนนมาก เท่าไหร่ต่อวัน
- การมีลูกที่เราต้องดูแลลูกเองทุกอย่าง การเจ็บป่วยที่ใครมีลูกเล็กจะรู้เลยว่าการไปรอคิวนาน ๆ ไม่สามารถทําได้จริง วัคซีนที่ดี ๆ ที่เราต้องจ่ายเองเพิ่ม รวมถึงการศึกษาของลูก ซึ่งโรงเรียนรัฐบาลที่ค่าใช้จ่ายไม่แพง ไม่เพียงพอต่ออนาคตลูก การลาคลอดของแม่ที่ได้เพียงแค่ 3 เดือน แล้วหลังจากนั้นต้องโดนกึ่งบังคับกลับไปทํางานต่อ ทั้ง ๆ ที่นมแม่ควรจะให้ลูกถึง 6 เดือน
- ค่าบ้านในกรุงเทพซึ่งเป็นปัจจัยสี่ มีราคาที่แพงจนเราคิดว่ามันไม่สมดุลกับรายได้คนส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก แพงโดยไร้
การควบคุมใด ๆ - ภาษีที่ต้องจ่ายไป ต้องหารายได้มาลดหย่อนให้มากที่สุด เพราะรู้สึกไม่คุ้มที่จะจ่าย ข่าวโกงกินเยอะมาก ข่าวกู้เงิน มาแจกคนที่ไม่เคยคิดจะเสียภาษี แล้วเราต้องเป็นหนี้ โดยเงินที่จ่ายไปจะไม่ได้นํามาทําให้เกิดประโยชน์มากกว่านี้
- เราว่าขนาดเราหารายได้ได้เยอะระดับนึง ยังคิดว่าเราเหนื่อยเลยที่ต้องดูแลครอบครัวแบบนี้ แบบที่เราตั้งใจจะทําให้ได้ แล้วคนอีกตั้งเยอะที่เขาได้ไม่เยอะเท่าเรา เขาจะลําบากอีกแค่ไหน
เห็นคนในกระทู้ย้ายได้สำเร็จทุกครั้ง ก็ได้แต่ดีใจด้วย ยิ่งได้อ่านสวัสดิการของประเทศอื่นที่ดี ๆ ก็ยิ่งดีใจกับคนนั้นไปใหญ่ ว่าเขาจะเบาแรงลง หาเงินได้ ดูแลครอบครัวได้ มีเงินเก็บมากขึ้น ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ยินดีกับทุกคนที่ย้ายได้สำเร็จจริง ๆ ครับ คุณหมอกล่าวทิ้งท้าย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง