หามเด็กม.1 ส่งโรงพยาบาล ประวัติติดยาตั้งแต่ป.5 ชาวบ้านเผยขายเกลื่อน-ถูกกว่าน้ำตาลทราย
ครูโร่หามนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ส่งโรงพยาบาล หลังมีอาการหลอน ผลตรวจปัสสาวะออกยิ่งช็อกหนัก ทราบประวัติเสพยาตั้งแต่ประถมศึกษาปที่ 5 ชาวบ้านให้ข้อมูลตอนนี้ขายเกลื่อนราคาถูกกว่าน้ำตาลทราย
วันที่ 2 พ.ย.2566 อ้างอิงข้อมูลจากข่าวสด ระบุ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ โดยคุณครูท่านหนึ่งได้นำตัว ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ไปส่งโรงพยาบาลห้วยราช หลังจากพบมีอาการผิดปกติ เหม่อลอยและคลั่งตะโกนเป็นบางครั้ง ทำให้เพื่อนนักเรียนชั้นม.1 ด้วยกัน ตื่นตระหนกและแจ้งให้ครูทราบ
ต่อมาจากการตรวจปัสสาวะเด็กชายคนดังกล่าว “เบื้องต้นพบปัสสาวะเป็นสีม่วง” เมื่อซักถามประวัติก็ยอมรับว่าเสพยามาตั้งแต่อยู่ชั้น ป.5 ตอนนั้นอายุ 11 ปี โดยมีเพื่อนรุ่นพี่ชักชวนไปมั่วสุมตามป่าอ้อยในหมู่บ้าน
ด้าน นางบี (นามสมมติ) อายุ 59 ปี ยายของเด็กเล่าว่า ตัวเองมีหน้าที่เลี้ยงดูหลาน เนื่องจากปกติแม่เด็กมีอาชีพขายอาหารจึงไม่มีเวลาดูแล ปกติไม่เคยทราบว่าหลานไปไหนหรือเสพยาอะไรหรือไม่ กระทั่งครูมาแจ้งว่าหลานหลอนยาก็รู้สึกตกใจมาก โดยเฉพาะเมื่อทราบว่าหลานเสพมาตั้งแต่อยู่ ป.5
ทั้งนี้ ชาวบ้านรายหนึ่งในหมู่บ้าน ได้เปิดเผยว่า ตอนนี้ปัญหายาเสพติดกำลังระบาดหนักมีทุกแห่ง ทุกหมู่บ้าน จำนวนวัยรุ่นที่เสพน่าจะมีมากกว่าวัยรุ่นที่ไม่เสพจนกลายเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะยาบ้าราคาถูกเม็ดละ 15 บาทเท่านั้น ถูกกว่าผงชูรสกับน้ำตาลทรายอีก จึงอยากให้รัฐบาลมีการปราบปรามยาเสพติดให้ห่างจากสังคมโดยเร็วตามที่รัฐบาลกำหนดนโยบายออกมา
ชาวบ้านรายเดิมยังบอกอีกว่า ตอนนี้คนเสพยาบ้าหลอนจนเสียสติมีจำนวนมาก แต่ไม่มีใครแก้ไขปัญหาได้ ปล่อยให้มาสร้างปัญหาให้กับชุมชน โดยอ้างว่า “เป็นคนบ้า” รวมถึงจำนวนยาบ้าในการครอบครองว่าควรจะกี่เม็ด ? ส่วนตัวคิดว่าตั้งแต่ 1 เม็ดเป็นต้นไป ดังนั้นจึงจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็วก่อนที่เยาวชนจะเป็นทาสยาเสพติดกันถ้วนหน้า.