พาเปิดฉากทัศน์ “ก้าวไกล-เพื่อไทย” ก่อนโหวตนายกฯ รอบ 2 หรือเกมชิงอำนาจเที่ยวนี้จะส่อแววพลิกขั้ว
โหวตนายกรอบ 2 ดูฉากทัศน์ที่น่าจะเกิดขึ้น ของ 2 พรรคก้าวไกล เพื่อไทย จะส่อแววพลิกขั้ว เปลี่ยนข้าง ตั้งรัฐบาลกับเสียงข้างน้อยหรือไม่ หลังสัญญาณขั้วรัฐบาลเดิมเตรียมเสนอชื่อ บิ๊กป้อม ชิงนากยกรัฐมนตรีคนที่ 30
หลังจากผลการลงมติของสมาชิกสองสภา เมื่อวันที่ 13 ก.ค. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ได้ผลการลงมติของสมาชิกตามระบอบรัฐสภาไทย ด้วยเสียงเห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง และงดออกเสียง 199 เสียง
ทำให้นายพิธาขาดเสียงสนับสนุนไป 51 เสียง กระทั่งต้องมีการกำหนดกรอบการโหวตเลือกนากยครั้งที่ 2 กันขึ้น ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ที่จะถึงนี้
ในส่วนกระแสความคืบหน้าและประเด็นข้อถกเถียงไปยังข้อสงัสัยตลอดการตั้งคำถามในทุก ๆ คาดการณ์เกมชิงขั้วอำนาจการเมืองเที่ยวล่าสุดนี้ ก็พอจะสรุปให้เห็นฉากทัศน์ที่ถูกคาดหมายว่าน่าจะเกิดขึ้น
โดยเฉพาะกับทิศทางความน่าจะเป็นของการโหวตเลือกนายกฯ ซ้ำเป็นหนที่สอง ต่อจากผลการลงมติของสมาชิกสองสภา เมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ที่จนถึงขณะนี้ (17 ก.ค.2566) แกนนำพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย ยังไม่สรุปว่า โหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 จะยังคงเสนอชื่อ พิธา แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกลหรือไม่ ? แต่ถ้ายังคงเป็นชื่อนายพิธา ก็มีข้อมูลเล็ดลอดออกมาว่างานนี้ศึกชิงเก้าอี้นากยกคนที่ 30 ส่อแวว “เดือดแน่”
เพราะมีสัญญาณจากพรรคฝ่ายขั้วรัฐบาลเดิม เตรียมจะเสนอคู่ชิงเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำให้ถึงชั่วโมงนี้ ก่อนที่ช่วงเย็น “ก้าวไกล-เพื่อไทย” มีนัดหารือกัน แต่จากรายงานไม่ได้มีการแจ้งว่าเป็นการพูดคุยแบบ 2 พรรคหรือ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยบอกแต่เพียงว่าจะได้ข้อสรุปก่อนวันโหวตเลือกนายกฯ รอบ 2 โดย ก้าวไกลย้ำจุดยืนเดิม หลักการเดิม และชื่อเดิม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ
มองมุมเพื่อไทยกับเกมการโหวตเลือกนายกฯ รอบ 2
ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ สด วันนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. ก็กล่าวถึงกรณี พิธา และพรรคก้าวไกล ออกมาให้ความเห็นว่าจะต่อสู้ใน 2 สมรภูมิ คือ การโหวตนายกรัฐมนตรีและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272
โดยรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุถึงกรณีนี้ เป็นการเสนอประเด็นที่อยู่นอกเหนือเอ็มโอยู (MOU ) ที่ 8 พรรคเซ็นร่วมกัน แถมทั้ง 2 ประเด็น ถือเป็นงานยากลำบากและไม่มีกรอบเวลาชัดเจน
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การแก้ไขมาตรา 272 เพื่อไทยเคยพูดแล้วว่าเป็นได้เพียงสัญลักษณ์ ไม่ได้รับชัยชนะ พร้อมกับยังยืนยันด้วยว่า สิ่งที่ตนกล่าวว่าไม่ใช่ความขัดแย้ง หรือโกรธกัน แต่การพบกันวันนี้เราจะเสนอความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่าวาระประเทศและวาระประชาชนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่วาระของพรรค ก.ก. หรือวาระของนายพิธา เพราะวันนี้ภาคธุรกิจอยากได้รัฐบาลที่ชัดเจน ภาคการท่องเที่ยวอยู่ในฤดูกาลท่องเที่ยว เป็นโอกาสนำเงินเข้าประเทศ แต่ถ้ารัฐบาลไม่ชัดเจนจะมีปัญหา
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณี ที่เคยลั่นวาจาจะสนับสนุนพิธาเป็นนายกฯ ให้ถึงที่สุด แต่คำถามคำว่าที่ “ที่สุด” นั้นมีคำนิยามหรือจำกัดความนี้หรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็เคลยร์ข้อสงสัยนี้ว่า ที่สุดนั้นไม่มีนิยาม ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ, ขึ้นอยู่กับเหตุและผล, ขึ้นอยู่กับความเสียหายและโอกาสของชาติบ้านเมือง ที่ต้องประมวลและประเมินกัน
ฝ่ายที่จะโหวตสนับสนุนนายเศรษฐาย่อมไม่ใช่ก้าวไกลแน่ ๆ แต่จะเป็น ภูมิใจไทย+พลังประชารัฐ+รวมไทยสร้างชาติ+ชาติไทยพัฒนา ที่รวมตัวรอกันอยู่แล้ว และไปบวกกับ ส.ว.ที่เคยโหวต “ไม่เห็นด้วย” กับ “งดออกเสียง” แค่นี้..คะแนนก็ผ่านเกณฑ์ 376 เสียงแล้ว
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่ง นายชลน่าน มีการหยอดวลีเชิงทีเล่นทีจริงไว้ว่า ถ้าเพื่อไทยทำถึงที่สุดแล้ว ถ้าก้าวไกลเห็นชอบ โดยไม่เกิดความเสียหาย ถ้าจบได้นั่นก็เป็นคำนิยามได้.