‘สนธิญา’ ยื่นแหลก 2 ประเด็น ร้องยุบพรรคก้าวไกล ร้องตรวจ ‘อุ๊งอิ๊ง บินเยี่ยมพ่อ
สนธิญา สวัสดี ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. สองประเด็น ชี้ ปิยบุตร’ ครอบงำ ขอให้ยุบพรรค ‘อุ๊งอิ๊ง’ บินเยี่ยมทักษิณก็ไม่รอด
นาย สนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อให้วินิจฉัยการกระทำของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล กรณีโพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นให้พรรคก้าวไกลต้องยึดมั่นในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล ว่าเข้าข่ายชี้นำ ครอบงำ พรรคก้าวไกลหรือไม่ และกรณีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตรและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ประเทศสิงคโปร์
นายสนธิญา กล่าวว่า วันนี้ตนมาร้องเรียนวันนี้มี 2 ประเด็นหลัก ประเด็นที่ 1 กรณีนายปิยบุตร โพสต์เฟซบุ๊กให้พรรคก้าวไกลต้องยึดมั่นในตำแหน่งประธานสภา ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล ซึ่งประเด็นประธานสภาจะอยู่กับพรรคใดนั้น เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่จะเลือกกันเอง ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าประธานสภา ตามรัฐธรรมนูญ 2560 หมายถึง ประธานรัฐสภาด้วย หมายความว่า ประธานสภา ก็เป็นประธานวุฒิสภาด้วย มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของประธานวุฒิสภา ซึ่งเหลืออายุอยู่ปีกว่าๆ
ดังนั้น พฤติกรรมของนายปิยบุตร ซึ่งเป็นผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ตั้งแต่การเป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงการโพสต์ข้อความชี้นำ ทำให้เห็นโดยอนุมานว่า พรรคก้าวไกลโดยที่ผู้บริหารไม่ได้ออกมาปฏิเสธ อีกทั้งยังพูดในทิศทางเดียวกัน จึงอนุมานได้ว่า เข้าข่าย พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 มาตรา 29 และไปสู่การถูกยุบพรรคได้ตามมาตรา 92(3)
จึงขอให้กกต.วินิจฉัย และตีความการกระทำของนายปิยบุตร เป็นการชี้นำ ครอบงำพรรคก้าวไกลหรือไม่อย่างไร ส่วนพิจารณาแล้วจะส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็แล้วแต่กกต.จะพิจารณา
ส่วนประเด็นที่ 2 น.ส.แพทองธาร ไปเยี่ยมนายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่สิงคโปร์ ตนมองว่าการไปเยี่ยมบิดา หรือผู้มีพระคุณนั้นทำได้ แต่ขณะนี้ น.ส.แพทองธาร เป็นแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทย ดังนั้น พฤติกรรมของว่าที่นายกฯ อยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในเรื่องของผลประโยชน์ หรือความทับซ้อนอะไรก็ตาม และตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 45 และผูกพันถึง มาตรา 92 (3)
จึงขอให้กกต.พิจารณาว่าพฤติกรรมดังกล่าวของน.ส.แพทองธารนั้น ขัดต่อกฎหมายนี้หรือไม่ เมื่อวินิจฉัยแล้วอาจจะส่งคำร้องไปศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัย เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของว่าที่แคนดิเดตนายกฯ หรือว่าที่นายกฯ ต่อไปในอนาคตด้วย
“ผมยังมั่นใจว่าพรรคก้าวไกล โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่สามารถทะลุผ่านเข้าไปสู่กระบวนการโหวตเป็นนายกฯได้ แล้วแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย คนที่ 1 ก็คือน.ส.แพทองธาร ซึ่งมีหลายคนวิเคราะห์กรณีน.ส.แพทองธาร เดินทางไปเยี่ยมพ่อ ในช่วงเวลาอย่างนี้ โดยจริยธรรม คุณธรรมและมารยาท หรือกฎหมาย ก็ไม่น่ากระทำการโดยเปิดเผย” นายสนธิญา กล่าว
การไปเยี่ยมพ่อหรือผู้มีพระคุณนั้นไม่มีปัญหา แต่การไปเยี่ยมในช่วงมีตำแหน่ง หรือเป็นแคนดิเดตนายกฯ นั้น อธิบายไม่ได้ในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกศาลพิจารณาให้จำคุกไปแล้ว ด้วยเหตุผลทั้งหมด จึงเป็นที่มาของการมาเพื่อร้องกกต.พิจารณา วินิจฉัย การกระทำของน.ส.แพทองธาร
เมื่อถามถึงการถือหุ้นสื่อของนายพิธา นายสนธิญา กล่าว รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนว่าต้องถือจำนวนเท่าไหร่ แต่เขียนเพียงว่า ผู้ลงสมัครส.ส.ห้ามมีหุ้น จึงน่าเป็นห่วง และนายพิธา เพิ่งมาแจ้งต่อป.ป.ช. จึงอยากวิงวอนนายพิธา และพรรคก้าวไกล เพราะตั้งแต่ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาด้วยเสียงข้างมาก ตลาดหุ้นไทยตก ผู้ถือหุ้นจากต่างประเทศก็ถอนหุ้นออกไปเกือบแสนล้านบาท ด้วยความไม่ชัดจน
ตนเป็นกำลังใจให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล แต่หลายเรื่องควรคลี่คลายให้ชัดเจน ก่อนที่นายพิธาจะรับตำแหน่งนายกฯ เพราะหากได้รับการโหวตเป็นนายกฯ แล้วศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย พร้อมสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จะไม่เป็นผลดีต่อพรรคก้าวไกล และประเทศ จึงต้องการให้ดำเนินการเรื่องนี้ให้จบก่อน