‘สุชาติ’ อัด ‘พิธา’ เหมือนเด็กงอแงกินขนม ชี้ต้องดูเหตุและผลด้วย
สุชาติ ชมกลิ่น อัด พิธา เหมือนเด็กงอแงกินขนมปมจัดตั้งรัฐบาล ต้องดูเหตุและผลด้วย ย้ำรวมไทยสร้างชาติมีนโยบายไม่ตรงกับก้าวไกล
นาย สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงจุดยืนของพรรค ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง โหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อผ่าทางตันปิดสวิตช์ ส.ว. 250 เสียงว่า ตนไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค รทสช. ซึ่งเป็นเรื่องของพวกมันเองที่ต้องไปคุยกันเอง ขอใจเย็นๆ
ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเมื่อรับรองส.ส.แล้วจะได้จำนวนเท่าใด ทั้งนี้ตนไม่ใช่กรรมการบริหารพรรคจึงตอบแทนไม่ได้ แต่ส่วนตัวไม่ได้มีนโยบายหรือความคิดตรงกับพรรคก้าวไกล ตนจะไปอยู่กับเขาได้อย่างไร เขาได้คะแนน 30% ของผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งหมด 14 ล้านเสียง ได้ไม่ถึงครึ่ง
นายสุชาติยังได้วิจารณ์นาย พิธา อีกด้วยว่า ทำตัวเหมือนเด็กงอแงกินขนม เรียกกินอมยิ้มอย่างเดียวมันต้องดูเหตุและผล ผู้ใหญ่หลายพรรคก็ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว แต่ละพรรคมีจุดยืนมีนโยบายพรรคของตนเอง เขาจะไปแหกข้อบังคับพรรคเขาอย่างไร ทั้งนี้แต่ละพรรคมีนโยบาย และจุดยืนเป็นของตัวเองที่ไปหาเสียง แม้ประชาชนจะเลือกเขามา 1-2 ล้านเสียง ก็มาเพราะนโยบายนี้ ถ้าไปช่วยคนที่นโยบายไม่เหมือนกันแล้วจะอยู่กันอย่างไร
เขามีแค่ 14 ล้านเสียง จาก 40 ล้านเสียง แล้วถ้าคนที่เขาเลือกตนมา 4 ล้านเสียง เพราะเขาไม่เอานโยบายพรรคของนายพิธา ถ้าตนโหวตให้นายพิธาแล้วตนจะกลับบ้านได้อย่างไร ขอสื่อมวลชนอย่าหลงกลเขา ต้องให้ข่าวความจริงสะท้อนกระจกให้เขาฟัง อย่าให้เขามองว่าเอาตรงนั้นตรงนี้ออกมาช่วย เอาตรงนั้นจะออกมากดดันคุณมีแค่กี่เปอร์เซ็นต์ มี 14 ล้านเสียง คุณก็ต้องไปจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ มันเป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มีการเอากระแสสังคมมากดดัน ส.ส.และสว. จะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ต้องให้สื่อมวลชนพูดความจริงกับประชาชนว่าเขามี 14 ล้านเสียง เขาไม่ได้มี 30 ล้านเสียง ถ้าเขาจำเป็นต้องใช้เสียงคนอื่น แต่คนอื่นไม่มีนโยบายตรงกับเขาแล้วจะไปกันอย่างไร เช่น นโยบายเขาไม่เอาลุง แต่ตนมีลุง แล้วจะไปอย่างไร ตนขอถาม ถูกไหม เพราะคนที่เขาเลือกตนมา ก็เพราะไม่เอาพรรคก้าวไกล ที่เสนอแก้อะไรที่คนไทยรับไม่ได้
การเมืองจะมองเป็นของเล่นไม่ได้ การเมืองคือประเทศชาติบ้านเมือง การเมืองคือพี่น้องประชาชน การเมืองคือความยั่งยืนของลูกหลานเราในอนาคต เราจะมองการเมืองเป็นของเล่นแค่อารมณ์ชั่ววูบ เหมือนไฟไหม้ฟางหรือ มันไม่ใช่ เราต้องมีอุดมการณ์ที่เข้มแข็งและชัดเจน ไม่ใช่อุดมการณ์ที่จะไปช่วยเขา แล้วมันเกี่ยวอะไร มันไม่เกี่ยวกัน ส่วนตัวมีเอกสิทธิ์ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ทุกคน