ข่าว

สรุปปมเดือด ชูวิทย์ vs ทนายตั้ม จากจุดเริ่ม “แฉไป ไถไป” ถึงโรบินฮู้ดปล้นเงิน

สรุปดราม่า ปมแถลงข่าวเดือด ชูวิทย์ ทนายตั้ม ตอบโต้ข้ามสังเวียนปมแฉไปไถไป พาดูจุดเริ่มต้นเดินหน้าแลกหมัดถลุงข้อมูลฉาว ถุงปริศนายอดเงินเท่าไหร่แน่ หลังอดีตเจ้าพอ่อ่างทองคำยอมรับเป็นโรบินฮู้ดรับเงิน สารวัตรซัว จริง แต่ไม่ได้หยุดแฉ

เรียกว่าเพียง 1 วันเดียว กระแสดราม่า ชูวิทย์ vs ทนายตั้ม ก็ผลัดกันออกตั้งโต๊ะแถลงข่าวแฉตอบโต้กันอย่างดุเดือด โดยมีประเด็นรับเงิน-รับงาน แฉไป ไถไป กรณีถุงเงินปริศนา จำนวน 2 ถุง ถุงละ 3 ล้านบาทจาก พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือ “สารวัตรซัว” อดีตข้าราชการตำรวจที่มีข่าวพัวพันเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่มาเป็นตัวแปรสำคัญในการเปิดหน้าประกาศสงครามของหนึ่งอดีตนักการเมืองที่ผ่านเส้นทางการเมืองมาโชกโชนกับอีกหนึ่งมือกฏหมายคนดัง

Advertisements

โดยวันนี้ (23 มี.ค.66) หลังจากที่ช่วงเช้าทางด้านของทนายตั้ม ออกมาเปิดข้อมูล พาดพิง นายชูวิทย์ รับเงินจากสารวัตรซัว 10 ล้านบาท ไม่ใช่แค่ 6 ล้าน ขณะที่ฝั่งของเจ้าพ่อจอมแฉที่มาโต้เดือดสวนทันควันตามสไตล์แถลงข่าว ณ โรงแรมเดวิส สุขุมวิท 24 กทม. ระบุเสียงแข็ง “เงินเทา” รับจริงแต่เอาไปบริจาคหมด และเป็นเงินแค่จำนวน 6 ล้านบาท แบ่งเป็นถุงละ 3 ล้านไม่มีมากกว่านี้

ชูวิทย์ แฉ
ภาพ @

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า การออกมาเปิดหน้ากางข้อมูลเปิดโปงครั้งนี้ ระหว่าง นายชูวิทย์ กับ ทนายษิทรา ได้สร้างแรงกระเพื่อมลูกใหญ่ ผลพวงลุกลามตามา ตัวละครที่เกี่ยวกับกลุ่มคนธุรกิจสีเทา ทั้งชื่อตัวบุคคล สถานที่ต่างๆ ที่มีเอี่ยวกับการเดินหน้าแฉมาก่อนหน้า นี้ก็ถูกนำมาผลิตซ้ำ เล่าย้อนชี้แจงความเป็นมาจนหลายคนอาจไม่ทราบว่า ตกลงแล้ว มือกฏหมายนดัง กับ อดีตนักการเมืองมากประบสบกาสรณ์และเคยไดรับสมญสานามเสี่ยอ่างทองคำไปบาดหมางหมาง ผิดใจอะไรกันมา

ทั้งที่ก่อนหน้าตัวของทนายตั้มเองเคยออกมาประกศชัดเจนว่า 3 บุคคลที่จะไม่ขอมีเรื่องด้วยเป็นอันขาด คือ 1.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 2.พลต.ต. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส และเบอร์สุดท้ายที่นักช่ำชองคดีไม่ต้องการมีปัญหาด้วยก็คือคนที่เจ้าตัวออกมาแถลงข่าวแฉว่ารับเงินและงานมาล่าสุดนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ จึงอยากจะขอพาประชาชนทุกท่าน ย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้นของคู่กรณีเดือดที่หากเปรียบเป็นมวยก็เรียกได้ว่า ชกข้ามรุ่น เดินหน้าปล่อยหมัดชุดกันแล้วหนึ่งยก

วลี “แฉไป ไถไป” จุดเริ่มต้นโพสต์เดียว ทำเกิดดราม่า

ย้อนกลับไปไม่นานนี้ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 เฟซบุ๊กแฟนเพจ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯมีการเคลื่อนไหวโพสต์รูปภาพถุงเงินกระดาษปริศนาจำนวน 2 ใบ พร้อมกับติดแคปชั่นว่า “แฉไป ไถไป”

Advertisements
ทนายตั้ม แฉถุงเงินชูวิทย์
ภาพ @ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ

แน่นอนว่าหลังจากโพสต์ถุงเงินปริศนาดังกล่าวเผยแพร่ไปไม่นาน ต่อมากองทัพนักข่าวก็รุมจี้ถามมือกฏหมายทันทีว่า ออกมาแฉใคร และไม่นาน ชื่อของนาย ชูวิทย์ ก็หลุดมาจากคำตอบของทนายหนุ่มเมื่อช่วงสายวันนี้ (23 มี.ค.66) ในการแถลงข่าวที่ บริษัทษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จำกัด ถ.สาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ

โดยไม่เพียงแค่บอกว่า ภาพถ่ายที่กำลังเป็นประเด็นร้อนนั้นเป็นเงินของสารวัตรซัว ผู้ต้องหาคดีพนันออนไลน์ที่นำมามอบให้ นายชูวิทย์ เพื่อขอให้หยุดเดินหน้าเปิดโปงคดีที่ไปมีเอี่ยว แต่ทางทนายตั้มยังพาผู้สื่อข่าวเปิดข้อมูลแฉเพิ่มอีก ประเด็นมีสกุลดิจิทัล มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท โอนเข้าบัญชีบุคคลใกล้ชิดกับนายชูวิทย์ ซึ่งเงินส่วนนี้ ถูกนำไปบริจาคให้โรงพยาบาลและอื่น ๆ

ทำให้มาถึงตอนนี้ นายชูวิทย์ จึงออกมารับลูก แถลงข่าวชี้แจงกรณีทะั้งหมดทันที โดยยอมรับว่าได้รับเงินจาก นายซัวมาจริง แต่ได้นำเงินทั้งหมด 6 ล้านบามท ไปบริจาคที่ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ วันที่ 14 ก.พ.2566 จำนวน 3 ล้านบท และวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 บริจาคให้ รพ.ศิริราช ในจำนวนเท่ากัน พร้อมกล่าวว่ามีหลักฐานการบริจาคยืนยัน

สุดท้ายมุมของทนายตั้ม ที่ออกมาเินหน้าปล่อยหมัดก่อนก็ กล่าวย้ำว่า ไม่ได้รับงานจากเว็บพนันออนไลน์ หรือ กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์มาโจมตี ที่ตัวเองออกมาพูดก็เพราะเสียความรู้สึกที่มีกับนายชูวิทย์ และถือว่าการออกมาครั้งนี้ ถือเป็นการฆ่าตัวตาย แต่อยากให้สังคมรู้ข้อมูลอีกมุม

ถึงคิว ชูวิทย์ แถลง โต้ เปรียบตนเป็น โรบินฮู้ดปล้นเงินคนบาปมาทำบุญ

ภายหลังกระแสเปลี่ยนฝั่งมาถาโถมนักแฉจอมมีมาด ด้านของนายชูวิทย์ เองก็ไม่รอช้า ออกมาอธิบายเปิดข้อมูลตอบโต้นักกฏหมายคู่กรณีคนล่าสุด ที่กล่าวหาตนเองว่าเรียกรับเงินจากผู้ทำเว็บพนันออนไลน์และธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งที่ตัวเองเป็นคนแฉเรื่องดังกล่าวเอง

โดยก่อนเริ่มการแถลง นายชูวิทย์ อัญเชิญพระเจ้าตากสิน มาสาบานต่อหน้าสื่อมวลชนว่า หากพูดโกหก ก็ขอให้เกิดความวิบัติแก่ตนเองด้วย ก่อนที่จากนั้นจะร่ายยาวประเด็นแรกเงินดิจิตอล 50 ล้าน ไม่เคยได้รับมาทั้งสิ้น ลูกๆ ของตนไม่มีใครติดการพนันออนไลน์

ส่วนประเด็น เงินสารวัตรซัว เจ้าพ่ออ่างทองคำที่ล่าสุดเปลี่นสมญานามเป็น โรบินฮู้ดปล้นเงินคนบาปก็ยอมรับว่า รับเงินมาจริง แต่ก็ไปบริจาคทั้งหมด ส่วนที่ถูกกล่าวหฟาว่า หยุดแฉคดีนายแทนไท เจ้าตัวเปิดเผยข้อเท็จจริง โดยระบุสาเหตุมีด้วยกัน 2 ข้อ คือ

  1. มีข้อมูลน้อย
  2. แทนไท ได้แปลงร่าง โดยการที่ทำแปลงไปในธุรกิจที่ถูกต้อง

เท่านั้นไม่พอ งานแถลงวันนี้นอกจากจะยอมรับว่ารับเงินนายซัวมาจริงแล้ว อดีตเจ้าของกิจการสถานบันเทิงเก่าชื่อดังอย่าง วิคทอเรีย ซีเคร็ท ที่ขายธุรกิจนี้ไปแล้ว ยังบอกด้วยว่า คนที่เป็นคนนหอบเงินในถุงปริศนามาให้เป็น ตำรวจ 1 นายและอดีตนายตำรวจอีกหนึ่งนาย ชื่อย่อ อ. อีกคนชื่อย่อ ป. โดยมีหนึ่งคนที่นายชูวิทย์อ้างว่ารู้จักมานานกว่า 30 ปีด้วย

ช่วงท้ายของการแถลงข่าวของนายชูวิทย์ เจ้าตัวยังได้ประกาศตอ่หน้านักข่าวด้วยเสียงดังฟังชัดว่า ทุกอย่างเกี่ยวข้อสงสัยที่มีตนเองก็ได้ชี้แจงทั้งไหมดแล้ว ที่เหลือก็รอแค่ใมห้สังคมต้องเป็นคนตัดสินโรบินฮู้ดอย่างตนกันเอาเอง

เหมือนจะจบ แต่ทนายคนดังยังเคลื่อนไหวในโซเชียล จี้ยอดเงินไม่ใช่ 6 ล้าน

มาถึงตรงนี้ ไม่อาจทราบได้ว่า ตอนที่นายชูวิทย์ แถลงข่าวอยู่นั้น ฝั่งของทนายตั้มก็กำลังนั่งรับชมด้วยหรือไม่ เพราะหลังจากช่วงที่นายชูวิทย์แถลงข่าวตอนบ่ายโมง เวลาไร่เรี่ยกันบัญชีโซเชียลของคนเชี่ยวชาญกฏหมายก็ได้โพสต์ภาพ ถุงเงินอีกรอบ แต่เที่ยวนี้มีข้อมูลกทั้งขนาดของถุง ก่อนจะย้ำอีกทีว่า ยอดเงินที่นายนชูวิทย์รับมาไม่ใช่ 6 ล้านตามที่แถลงอ้างไว้ที่ รร.เดวิส วันนี้ แต่อย่างใด แถมเนื้อหาในโพสต์ตอนท้ายยังคล้ายจะฝากไปถึงชายมากประสบการณ์ด้วยว่า “อย่าให้ความโลภฆ่าพี่ครับพี่ชูวิทย์”

สารวัตรซัว
ภาพ @ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ

ทั้งนี้ ประเด็นทั้งหมดระหว่าง นายชูวิย์ กับ ทนายตั้ม เชื่อว่าการเปิดโปงข้อมูลลับที่สาธารณชนยังไม่ทราบจะยังคงมีมาอีกชุดอย่างแน่นอน โดยถึงเวลานี้ เชื่อว่าดราม่าของทั้งคู่ยังไม่ใช่ตอนท้ายของเรื่องราวแน่นอน และคงต้องรอติดตามกันว่า

สุดท้ายการออกมาเดินหน้าแลกหมัดแฉของหนึ่งอดีตนักการเมืองกลับใจ กับ นักกฏหมายรับไขคดีดัง มุมไหนจะน็อกคู่ตอ่สู้ได้ก่อน หรือ กรรมการห้ามมวยอาจต้องลั่นระฆังยุติการชก ทั้งหมดต้องติดตามอย่าให้คลาดสายตาทีเดียว.

ชูวิทย์ แถลงข่าว

ข่าวทนายตั้ม
ภาพ Facebook @ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ

 

 

 

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button