การเงินเศรษฐกิจ

21 มี.ค. อัปเดต บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยืนยันตัวตนก่อนวันไหน ได้เงิน 1 เมษายน

ความคืบหน้าโครงการ เช็กสิทธิลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2566 ผ่าน-ไม่ผ่าน และประชารัฐสวัสดิการใหม่สำหรับผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการยืนยันตัวตนของผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 (โครงการฯ) ณ วันที่ 21 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น. มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ จำนวนทั้งสิ้น 11,383,700 ราย (หรือคิดเป็นร้อยละ 77.99 ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดจำนวน 14,596,820 ราย)

Advertisements

สำหรับจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ณ วันที่ 21 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น. จำนวนทั้งสิ้น 1,122,950 ราย โดยสามารถขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติได้ 2 ช่องทาง ได้แก่ ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https:// บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ตั้งแต่เวลา 6.00 น. – 23.00 น. ของทุกวัน หรือขออุทธรณ์ผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และศาลาว่าการ
เมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์และยืนยันตัวตนสำเร็จ (ผู้มีสิทธิ) ภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ตามกำหนดการที่กำหนดไว้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะได้รับสวัสดิการ ดังนี้

1. วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน โดยผู้มีสิทธิสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.00 น. ของทุกวัน

2. วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน โดยผู้มีสิทธิสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.00 น. ของทุกวัน

3. วงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อคนต่อเดือน โดยสามารถใช้โดยสารได้กับระบบขนส่ง ได้แก่

Advertisements
  • (1) รถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
  • (2) รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)
  • (3) รถไฟฟ้า บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTS) รถไฟฟ้ามหานคร (MRT)และบริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด
  • (4) รถไฟ โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทรถ

ผู้มีสิทธิสามารถใช้บริการระบบขนส่งดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ตั้งแต่เวลา 00.30 น. เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมการเพิ่มเติมประเภทระบบขนส่งเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิ ได้แก่ (1) รถเอกชนร่วม ขสมก. รถเอกชน รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (BRT) (2) รถเอกชนร่วม บขส. และรถเอกชน (3) รถสองแถวรับจ้างและ (4) เรือโดยสารสาธารณะ ซึ่งจะแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนทราบต่อไป

4. มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า อุดหนุนค่าไฟฟ้าจำนวน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีสิทธิจะต้องเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด โดยจะได้รับสิทธิเดือนแรก คือ “ใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนเมษายน 2566” หากลงทะเบียนกับหน่วยงานผู้ให้บริการ ได้แก่ สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง หรือสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ภายในวันที่ 8 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. หรือลงทะเบียนกับกิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือภายในวันที่ 20 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น.

5. มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา อุดหนุนค่าน้ำประปาจำนวน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีสิทธิยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท และจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง แต่หากผู้มีสิทธิใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท จะต้องเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด โดยจะได้รับสิทธิเดือนแรก คือ “ใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนเมษายน 2566”

หากลงทะเบียนกับหน่วยงานผู้ให้บริการ ได้แก่ สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคภายในวันที่ 25 มีนาคม 2566 เวลา 17.00 น.สำหรับมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะชำระค่าบริการที่ผู้มีสิทธิที่ใช้บริการตามเงื่อนไขที่กำหนดให้แก่หน่วยงานผู้ให้บริการทั้ง 5 แห่งดังกล่าวข้างต้น โดยผู้มีสิทธิไม่จำเป็นต้องสำรองเงินในการชำระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาแต่อย่างใด ซึ่งผู้มีสิทธิสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2566 ดังนี้ การลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้า สามารถลงทะเบียนได้ที่ (1) สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง หรือผ่านเว็บไซต์ https://meagate1.mea.or.th/welfareregis

เบอร์ติดต่อ 1130 (2) สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือผ่านเว็บไซต์ https://welfareregis.pea.co.th

เบอร์ติดต่อ 1129 และ (3) กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ หรือผ่านเว็บไซต์ https://walfareregis.sea.co.th เบอร์ติดต่อ 086 848 1284 และการลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปา สามารถลงทะเบียนได้ที่ (1) สำนักงานการประปานครหลวง หรือ

ผ่านเว็บไซต์ https://eservicesapp.mwa.co.th/ES/MWAWelfareServlet
เบอร์ติดต่อ 1125 และ (2) สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค หรือผ่านเว็บไซต์ https://register.pwa.co.th/
welfare-register.html เบอร์ติดต่อ 1662

ทั้งนี้ การได้รับสวัสดิการภายใต้โครงการฯ จะไม่กระทบกับการได้รับสวัสดิการอื่น ๆ ของภาครัฐโดยผู้มีสิทธิตามโครงการฯ จะยังคงสามารถรับสิทธิสวัสดิการอื่น ๆ ของภาครัฐได้โดยไม่มีการตัดสิทธิสวัสดิการอื่น ๆ แต่อย่างใด ซึ่งผู้ลงทะเบียนโครงการฯ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการฯ ปี 2565 เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https:// บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือhttps://welfare.mof.go.th

กล่าวโดยสรุปคือ ถ้ายืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566 สำเร็จทันภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 จะได้รับเงินช่วยเหลือวันแรกตามกำหนดการปกติคือ 1 เมษายน 2566 ส่วนคนที่ลงทะเบียนนยืนยันตัวตนหลังจากนี้ก็จะได้เงินครบเช่นกัน โดยจะได้ย้อนหลังทบไป

ที่มา : กระทรวงการคลัง

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button